จีนประกาศระงับระบบอนุมัติการเปิดโรงงานผลิตเหล็กแห่งใหม่โดยมีผลบังคับใช้ทันที สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความต้องการเหล็กที่หดตัวลงอย่างมากจนส่งผลให้กำไรของอุตสาหกรรมลดลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ที่ผ่านมานั้น จีนใช้ระบบที่บริษัทต่าง ๆ สามารถขออนุญาตสร้างโรงงานเหล็กได้ โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทเหล่านั้นจะต้องนำกำลังการผลิตเดิมที่มีอยู่ออกไปจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศระบุว่า กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะถูกยกเลิกตั้งแต่วันนี้ (23 ส.ค.) เป็นต้นไป และรัฐบาลจะพัฒนาแผนทางเลือกอื่นมาทดแทน
กระทรวงฯ ระบุว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมเหล็กกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่" พร้อมชี้ถึงปัญหา เช่น การดำเนินนโยบายไม่เพียงพอ กลไกการกำกับดูแลและการดำเนินการที่ไม่สมบูรณ์แบบ และความไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และความจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรม
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีกระแสเรียกร้องมากขึ้นให้รัฐบาลเข้ามาดำเนินการรับมือกับปัญหาราคาเหล็กลดลงท่ามกลางอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการเหล็กร่วงลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ปี 2563
ทั้งนี้ บรรดาผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนปรับลดกำลังการผลิตลงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาบีบให้ต้องลดการผลิตลงอย่างมาก โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยอดการผลิตเหล็กกล้าในเดือนก.ค. ลดลงประมาณ 9% ทั้งเมื่อเทียบรายเดือนและรายปี สู่ระดับ 82.94 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดที่มีการรายงานในปี 2567 และส่งผลให้ยอดการผลิตทั้งหมดในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 แตะที่ 613.72 ล้านตัน ซึ่งลดลง 2.2% จากปีก่อนหน้า