นักเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องจีนมีมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อแนวโน้มอุปสงค์ภายในประเทศ โดยปรับลดการคาดการณ์ทั้งอัตราเงินเฟ้อ การลงทุน และการบริโภคสำหรับปี 2567 แม้จะมีการคาดการณ์ว่าแบงก์ชาติจะลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
นักเศรษฐศาสตร์จากโพลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ยอดค้าปลีกซึ่งเป็นมาตรวัดความแข็งแกร่งด้านการอุปโภคบริโภคของจีน น่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4% ในปีนี้ ลดลงจากประมาณการก่อนหน้าที่ 4.5% หลังปรับลดคาดการณ์การเติบโตในสองไตรมาสที่เหลือ โดยจะเป็นการเพิ่มขึ้นที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่รัฐเริ่มเก็บข้อมูลในปี 2542 ยกเว้นช่วงการระบาดของโควิด-19
สำหรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตรายปีของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งรวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตนั้น ถูกปรับลดลงเหลือ 4.2% จาก 4.4% ในผลสำรวจเดือนที่แล้ว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ยังได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลง เพราะมีมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อแนวโน้มการบริโภคและการลงทุน โดยคาดว่าราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในปีนี้ ลดลงจากประมาณการก่อนหน้าที่ 0.6%
รายงานระบุว่า การปรับลดคาดการณ์นี้เกิดขึ้นแม้จะมีการคาดการณ์ว่าผู้กำหนดนโยบายของจีนจะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่จีนกำลังเผชิญในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% ในปีนี้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจีนเปิดเผยตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2567 ที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินเชื่อยังคงซบเซา เนื่องจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง และตลาดงานที่ซบเซา ส่งผลให้ธุรกิจและผู้บริโภคไม่ออกมาใช้จ่าย