สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศแคนาดาแสดงความไม่พอใจและคัดค้านอย่างรุนแรง หลังจากที่รัฐบาลแคนาดาประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน
โฆษกสถานทูตจีนวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลแคนาดาในการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนว่าเป็นการกีดกันทางการค้าและมีแรงจูงใจทางการเมือง อีกทั้งยังละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และทำลายภาพลักษณ์ของแคนาดาในฐานะผู้นำด้านการค้าเสรีและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โฆษกฯ เตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะบ่อนทำลายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับแคนาดา ทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการในแคนาดาเสียประโยชน์ ทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวในแคนาดาล่าช้าออกไป และแน่นอนว่าไม่เป็นผลดีต่อความพยายามของทั่วโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงไม่เกิดประโยชน์กับใครเลยและรังแต่จะเกิดผลเสียตามมา
โฆษกฯ เน้นย้ำว่า การพัฒนาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนเป็นผลมาจากการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง การสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง รวมถึงการแข่งขันในตลาดเต็มรูปแบบ
ความสามารถในการแข่งขันของจีนได้มาจากการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบและการปฏิบัติตามหลักการของตลาด ไม่ใช่การพึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอย่างเดียว
"จีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน" โฆษกฯ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีในอัตรา 100% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน ซึ่งเมื่อบวกกับภาษีนำเข้ารถยนต์ 6.1% ที่ใช้อยู่เดิม จะส่งผลให้อัตราภาษีรวมสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนสูงถึง 106.1% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ แคนาดาจะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้