ฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ เปิดเผยในวันพุธ (28 ส.ค.) ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกต่อปีที่ 5.55 ล้านคันภายในปี 2573 เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2566 โดยมีแผนจะเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฮบริดขึ้นเป็นเท่าตัวเพื่อรับมือดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง
ฮุนไดระบุว่า บริษัทจะขยายสายการผลิตรถยนต์ไฮบริดขึ้นเป็น 14 รุ่น จากเดิม 7 รุ่น เนื่องจากคาดว่าดีมานด์รถยนต์ไฮบริดจะสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ โดยบริษัทมีแผนที่จะผลิตยานยนต์ไฮบริดที่โรงงานแห่งใหม่ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยไทม์ไลน์สำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แต่อย่างใด โดยบอกเพียงว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EREV ในอเมริกาเหนือและจีน และมีแผนจะผลิตรถยนต์ EREV เป็นจำนวนมากในภูมิภาคต่าง ๆ ภายในปี 2569
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ฮุนไดเผยว่าผลกำไรของรถยนต์รุ่นไฮบริดของบริษัทมีความใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของรถยนต์ชนิดนี้ที่มีต่อการเติบโตของบริษัท ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% (Pure EV) ของบริษัทลดลงเกือบ 25% ในไตรมาสที่ 2/2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
ขณะเดียวกันวันนี้ ฮุนได ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลกในแง่ยอดขาย พร้อมด้วยเกีย คอร์ป (Kia Corp) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ยังเปิดเผยแผนกลยุทธ์ระยะกลางถึงระยะยาวในระหว่างประชุมร่วมกับนักลงทุนว่า บริษัทจะซื้อหุ้นคืนสูงสุด 4 ล้านล้านวอน (2.99 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงปี 2568-2570 และจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยฮุนไดประกาศจะจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่ 2,500 วอนต่อหุ้นระหว่างปี 2568-2570 ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% จากระดับก่อนหน้า
การประกาศดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 5% จากที่ทรงตัวก่อนหน้านี้ โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่า นโยบายใหม่ในการจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นนั้นสูงเกินกว่าที่คาดไว้