สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์ (SMMT) ของอังกฤษเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า การผลิตรถยนต์ในประเทศลดลงเป็นเดือน ที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ผลิตหันไปพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ประกอบกับการหยุดชะงักชั่วคราวในห่วงโซ่อุปทาน
ข้อมูลระบุว่า ยอดการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 65,478 คันในเดือนก.ค. ลดลง 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการผลิตยานยนต์ ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรวมถึงรุ่นไฟฟ้าล้วน รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ฟูลไฮบริด คิดเป็น 37.5% ของยอดผลิตทั้งหมด ลดลงจากระดับ 39.5% เมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึง ณ ปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 14.8% แตะที่ 118,672 คัน ตามข้อมูลของ SMMT
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไมค์ ฮอว์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SMMT กล่าวว่า "ความผันผวนที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มว่าจะยังคง ดำเนินต่อไป เนื่องจากอุตสาหกรรมมีการปรับโครงสร้างเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์"
นิสสัน (Nissan) และทาทา มอเตอร์ส (Tata Motors) ได้ประกาศลงทุนหลายพันล้านปอนด์ในการผลิตรถยนต์ EV ที่โรงงานใน อังกฤษ ซึ่งช่วยสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศของอุตสาหกรรม และมุ่งสู่การปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อยอดขายและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ ระดับโลก เช่น ฟอร์ด (Ford) เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) และเมอร์เซเดส (Mercedes) ต้องปรับลดแผนการผลิต EV ของตน ลง