อินเทล (Intel) เป็น 1 ใน 2 บริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการคำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในช่วงที่ธุรกิจดอทคอมเฟื่องฟูอย่างมากเมื่อช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 เช่นเดียวกับบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) แต่การที่ราคาหุ้นของอินเทลร่วงลงอย่างหนักในขณะนี้อาจส่งผลให้อินเทลซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ สูญเสียสถานะการเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณในดัชนีดาวโจนส์
นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็มองว่า อินเทลอาจจะถูกถอดออกจากดัชนีดาวโจนส์ หลังจากราคาหุ้นทรุดตัวลงเกือบ 60% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้อินเทลกลายเป็นหุ้นที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุด และมีราคาต่ำที่สุดในดัชนีดาวโจนส์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นอินเทลร่วงลงประมาณ 7% ในวันอังคาร (3 ก.ย.) ท่ามกลางแรงเทขายที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง โดยดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลงเกือบ 6% หลังจากยูบีเอส ซิเคียวริตีส์ ระบุว่า ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกลดลง 11.1% ในเดือนก.ค.จากระดับของเดือนมิ.ย.
การถูกถอดออกจากดัชนีดาวโจนส์จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของอินเทลซึ่งได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว หลังจากบริษัทได้พลาดโอกาสที่ได้ประโยชน์จากกระแสความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายหลังจากอินเทลได้ปฏิเสธการลงทุนในบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) และกำลังประสบกับการขาดทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจการผลิตชิปสัญญาจ้างซึ่งเป็นธุรกิจที่อินเทลก่อตั้งขึ้นด้วยความหวังที่ว่าจะสามารถแข่งกับบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC)
ทั้งนี้ อินเทลได้พยายามระดมทุนเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ ด้วยการระงับการจ่ายเงินปันผลและปลดพนักงาน 15% ของการจ้างงานในระหว่างการรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนที่แล้ว แต่นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้อาจจะน้อยเกินไปและสายเกินไปสำหรับอินเทล
ทางด้านบริษัทเอสแอนด์พี ดาวโจนส์ อินดิซีส (S&P Dow Jones Indices) ซึ่งเป็นผู้บริหารดัชนีดาวโจนส์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าจะถอดอินเทลออกจากดัชนีดาวโจนส์หรือไม่