ลิฟต์ (Lyft) บริษัทสหรัฐฯ ที่ให้บริการเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอูเบอร์ (Uber) วางแผนที่จะขายธุรกิจจักรยานและสกู๊ตเตอร์บางส่วน และลดจำนวนพนักงานลง 1% เนื่องจากลิฟต์พยายามที่จะลดต้นทุนและสร้างผลกำไร
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ลิฟต์ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (4 ก.ย.) ว่า แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับกลยุทธ์และลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยลิฟต์ไม่ได้เปิดเผยถึงผู้ซื้อธุรกิจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ลิฟต์มีพนักงานจำนวนเกือบ 3,000 คนในช่วงสิ้นปีที่แล้ว
ลิฟต์คาดว่า ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องจะอยู่ที่ประมาณ 34-46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขายสินทรัพย์ การจ่ายเงินชดเชย และค่าธรรมเนียมที่ปรึกษา โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในไตรมาส 3
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ลิฟต์ซึ่งดำเนินการโครงการแชร์จักรยานในนครนิวยอร์ก, ชิคาโก, ซานฟรานซิสโก และมินนิอาโปลิส ได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรอย่างมากในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณของความพยายามในการพลิกฟื้นธุรกิจหลักด้านการแชร์รถที่ประสบปัญหาในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่างอูเบอร์
ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว ลิฟต์ได้มองหาพันธมิตรทางกลยุทธ์ที่สามารถลงทุนในธุรกิจบริการเช่าจักรยานและสกู๊ตเตอร์ และเมื่อไม่นานมานี้ ลิฟต์เพิ่งปรับราคาค่าเช่าจักรยานไฟฟ้าซึ่งได้รับความนิยมในนิวยอร์ก โดยอ้างถึงต้นทุนการดำเนินงานในระดับสูง
ลิฟต์คาดว่า การปรับโครงสร้างจะช่วยเพิ่มกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับแล้วเป็นรายปีประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2568 เนื่องจากจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการลดจำนวนพนักงาน, ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น และการปรับปรุงกลยุทธ์ทางการค้า
ทั้งนี้ ราคาหุ้นลิฟต์ปรับตัวขึ้นมากถึง 2.4% หลังเปิดตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้ แต่ราคาหุ้นลิฟต์ลดลงประมาณ 24% แล้วในปีนี้