มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า สกุลเงินยูโรจะอ่อนค่าลงจนเทียบเท่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) เร่งการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อรับมือกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
เดวิด อดัมส์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกลุ่ม G10 ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ยูโรจะร่วงลงแตะระดับ 1.02 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงประมาณ 7% จากระดับปัจจุบัน โดยการคาดการณ์ดังกล่าวพิจารณาจากมุมมองที่ว่า ECB จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งหน้า รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50%
การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ามอร์แกน สแตนลีย์ มีมุมมองด้านลบต่อสกุลเงินยูโรมากที่สุดเมื่อเทียบกับนักวิเคราะห์รายอื่น ๆ ที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายูโรจะแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.11 ดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2567 โดยการแสดงมุมมองดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (12 ก.ย.) ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
"มีเหตุผลมากมายที่ตลาดจะหันมาให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าและรวดเร็วกว่าที่มีการคาดการณ์ในปัจจุบัน" อดัมส์ ซึ่งเคยทำงานที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์กกล่าว และเสริมว่า "การประชุม ECB ในสัปดาห์นี้อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ตลาดเริ่มจับตาในเรื่องนี้"