หากคุณเคยใช้บริการเที่ยวบินภายในประเทศในสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา คุณอาจเคยประสบกับความล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบินอย่างน้อยหนึ่งหรือสองครั้ง หรือแม้กระทั่งเจอกับปัญหาระบบล่มทั้งหมด และต้องเสียค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเองโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางสายการบิน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปัญหาดังกล่าวอาจจะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้ โดยคณะบริหารของโจ ไบเดน กำลังดำเนินการเพื่อออกกฎใหม่ที่อาจบังคับให้สายการบินสหรัฐฯ ต้องชดเชยค่าใช้จ่ายให้กับผู้โดยสารสำหรับการยกเลิกหรือความล่าช้าของเที่ยวบินซึ่งเกิดขึ้นนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยกฎนี้อาจเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค. 2568
ภายใต้แผนการจ่ายเงินชดเชยที่เสนอขึ้นนี้ สายการบินในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ให้กับผู้โดยสารแต่ละคนในกรณีที่เที่ยวบินเกิดความล่าช้าหรือถูกยกเลิก นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายเงินชดเชยค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารและที่พักให้กับผู้โดยสารอีกด้วย โดยขณะนี้ยังคงมีการพิจารณาเกี่ยวกับรายละเอียดและจำนวนเงินชดเชยดังกล่าว
ทั้งนี้ กฎการจ่ายเงินชดเชยที่คล้ายกันนี้บังคับใช้ในสหภาพยุโรป (EU) มานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งบังคับใช้กับสายการบินสหรัฐฯ ด้วยเมื่อให้บริการด้านการบินระหว่างประเทศ โดยกฎของ EU กำหนดให้สายการบินต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้โดยสารราว 275-660 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับปัญหาการยกเลิกเที่ยวบินที่สามารถควบคุมได้และปัญหาเที่ยวบินล่าช้าเป็นเวลานาน ขึ้นอยู่กับระยะทางของเที่ยวบิน
"เมื่อสายการบินยกเลิกเที่ยวบินเพราะปัญหาทางด้านเครื่องยนต์หรือบุคลากร ผู้โดยสารควรได้รับการชดเชยสำหรับความยุ่งยากที่เกิดขึ้น" เอ็ดเวิร์ด มาร์คีย์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ และการขนส่งของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าว
โทมัสซ์ พาวลิสซิน ซีอีโอของ AirHelp ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิผู้บริโภคของยุโรปและได้ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ กล่าวว่า กฎการจ่ายเงินชดเชยสำหรับความล่าช้าของเที่ยวบินนั้นมีการบังคับใช้อยู่แล้วในประเทศอื่น ๆ เช่น แคนาดา อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี บราซิล และจีน ขณะที่ออสเตรเลียเตรียมที่จะอนุมัติใช้กฎดังกล่าวในปีนี้