โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ร่วมกันเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ยกเลิกแผนการที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินมาตรการเก็บภาษีซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของ EU ในการต่อต้านอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นับตั้งแต่ EU ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า EV จากจีนเกือบ 50% นั้น มีผู้นำยุโรปหลายคนเดินทางไปเยือนจีนและเข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และในสัปดาห์นี้ ซานเชซเป็นผู้นำคนแรกที่เรียกร้องให้ EU ทบทวนมาตรการทางการค้าใหม่
ประเทศใน EU จะต้องตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้า EV จากจีน
ทั้งนี้ หากสมาชิก 15 ประเทศซึ่งเป็นตัวแทนของประชากร 65% ของ EU ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับการกำหนดภาษีดังกล่าว คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของ EU จะต้องระงับมาตรการดังกล่าว
"ผมต้องพูดตรง ๆ ว่า พวกเราทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศสมาชิก แต่รวมถึงคณะกรรมาธิการด้วย จำเป็นต้องพิจารณาใหม่ถึงจุดยืนของเราในเรื่องนี้" ซานเชซกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) ที่เมืองคุนซาน ประเทศจีน
ด้านสเตฟเฟน เฮเบสไตรท์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนีขานรับกับท่าทีของสเปน โดยระบุว่า "ทิศทางนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นด้วย"
เนื่องจากมีการคัดค้านจากสองประเทศสมาชิกรายใหญ่ใน EU ดังนั้น EC จึงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิธีการเจรจากับจีนในประเด็นนี้ต่อไป
ด้านนักการทูตยุโรปอาวุโสรายหนึ่งจากประเทศที่สนับสนุนการเก็บภาษีดังกล่าวระบุว่า พวกเขายังคงเชื่อว่าประเทศสมาชิกที่สนับสนุนการเก็บภาษียังคงครองเสียงข้างมาก และการหารือจะดำเนินต่อไปเพื่อโน้มน้าวให้สเปนสนับสนุน EC ในประเด็นนี้
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิก EU จะต้องลงคะแนนเสียงภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ เกี่ยวกับการเดินหน้าผลักดันภาษีดังกล่าว และหากไม่สามารถยับยั้งมาตรการนี้ได้โดยเสียงข้างมาก EC ก็จะประกาศข้อกำหนดสุดท้ายด้านภาษีภายในวันที่ 30 ต.ค. และภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี