การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด (UNCTAD) เปิดเผยรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.) ว่า ขนาดของเศรษฐกิจกาซาหดตัวลงเหลือน้อยกว่า 1 ใน 6 ของขนาดก่อนสงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการฟื้นตัว
อังค์ถัดระบุว่า เศรษฐกิจของกาซาอยู่ในสภาพย่อยยับมาแล้วกว่า 11 เดือน หลังจากที่อิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซาถูกทำลายจนเหลือแต่ซาก เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
อังค์ถัดกล่าวเสริมว่า รัฐบาลปาเลสไตน์ ซึ่งมีอำนาจปกครองตนเองอย่างจำกัดในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองโดยอิสราเอล กำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ซึ่งทำลายขีดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
"เศรษฐกิจของปาเลสไตน์กำลังตกต่ำอย่างรวดเร็ว" เปโดร มานูเอล โมเรโน รองเลขาธิการอังค์ถัดแถลงต่อสื่อมวลชน ณ เมืองเจนีวา "รายงานเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยุติภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนี้ แก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม และวางรากฐานสำหรับสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน" พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีแผนฟื้นฟูอย่างครอบคลุม
อังค์ถัดระบุว่า มีตำแหน่งงานมากกว่า 300,000 ตำแหน่งในเขตเวสต์แบงก์ที่ต้องสูญเสียไปนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 12.9% เป็น 32%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สงครามเริ่มต้นเมื่อกลุ่มฮามาสได้บุกโจมตีตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 ราย และอีกราว 250 รายถูกจับเป็นตัวประกันกลับไปยังฉนวนกาซา อิสราเอลจึงได้เปิดฉากโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักเพื่อเป็นการล้างแค้น โดยกระทรวงสาธารณสุขฉนวนกาซาระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วกว่า 41,000 ราย