เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติงส์ (S&P Global Ratings) ระบุว่า การอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของจีนมีสาเหตุมาจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ และมีความเชื่อมโยงกันอย่างมากกับสถานะการเงินและปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นจีน
เม็ดเงินของครัวเรือนที่มั่งคั่งของจีนได้ไหลเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจีนจะเริ่มทำการกวาดล้างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งพาเงินกู้มูลค่ามหาศาลในปี 2563
ขณะนี้ มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นกำลังชะลอตัวลง และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้พากันลดการซื้อที่ดิน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลในระดับเขตและอำเภอ
ทั้งนี้ เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติงส์ คาดการณ์ว่า นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ สถานะการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจีนต้องใช้เวลา 3-5 ปีจึงจะฟื้นตัวสู่ระดับที่แข็งแกร่ง
เหวินหยิง หวง ผู้อำนวยการเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติงส์ เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) ในวันศุกร์ (13 ก.ย.) ว่า สถานะการเงินที่ฟื้นตัวอย่างล่าช้าของรัฐบาลท้องถิ่นจีนอาจจะทำให้ความสำเร็จในการสร้างเสถียรภาพของหนี้สินต้องล่าช้าไปด้วย โดยขณะนี้ตัวเลขหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"แรงต้านทางเศรษฐกิจมหภาคยังคงเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการสร้างรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยของแรงต้านที่เกี่ยวข้องกับภาษีและยอดขายที่ดิน" หวงกล่าว
ก่อนหน้านี้ หวงเคยกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า บัญชีทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจีนได้รับผลกระทบจากรายได้จากการขายที่ดินที่ลดลงเป็นเวลาอย่างน้อย 2 หรือ 3 ปี ในขณะที่การปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมตั้งแต่ปี 2561 นั้น ได้ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานลดลงโดยเฉลี่ย 10% ทั่วประเทศ