สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (Reckitt Benckiser) ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าอุปโภครายใหญ่ของอังกฤษ เริ่มต้นการเจรจาเบื้องต้นกับผู้ที่สนใจในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ซึ่งอาจทำเงินให้บริษัทได้มากกว่า 6 พันล้านปอนด์ (7.9 พันล้านดอลลาร์) จากข้อตกลงนี้
แหล่งข่าวระบุว่า เรกคิทท์กำลังทำงานร่วมกับมอร์แกน สแตนลีย์ เพื่อประเมินความสนใจในแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง สเปรย์ปรับอากาศแอร์วิค (Airwick) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดซิลลิต แบง (Cillit Bang) ซึ่งนักลงทุนทางการเงินส่วนใหญ่ ตลอดจนบริษัทสินค้าอุปโภคบางรายแสดงความสนใจในสินทรัพย์ดังกล่าว ขณะที่กระบวนการขายอย่างเป็นทางการมีแนวโน้มว่าจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเผยด้วยว่า โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ กำลังช่วยเรกคิทท์ประเมินทางเลือกสำหรับแบรนด์นมผงเด็ก มี้ด จอห์นสัน (Mead Johnson) ซึ่งร่วมถึงความเป็นไปได้ในการขายแบรนด์ โดยบริษัทยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
หุ้นของเรกคิทท์ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนพุ่งถึง 3.3% ในวันพุธ (18 ก.ย.) สู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังมีรายงานข่าวดังกล่าว และเพิ่มขึ้น 1.4% ณ เวลา 8.56 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.24 หมื่นล้านปอนด์
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ค. เรกคิทท์เปิดเผยแผนการที่จะขายแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านบางแบรนด์ที่บริษัทมองว่าไม่ใช่ธุรกิจหลักและทบทวนทางเลือกต่าง ๆ สำหรับธุรกิจนมผงเด็ก โดยเรกคิทท์ต้องการมุ่งความสนใจไปยังแบรนด์หลักของบริษัท เช่น เม็ดอมสเตร็ปซิล (Strepsils) ยาแก้หวัดมิวซิเน็กซ์ (Mucinex) ยาบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกกาวิสคอน (Gaviscon) และถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ (Durex) ตลอดจนแบรนด์ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ เช่น ฮาร์ปิค (Harpic) แวนิช (Vanish) เดทตอล (Dettol) และไลโซล (Lysol) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19