เคลลี ออร์ตเบิร์ก ซีอีโอของโบอิ้ง (Boeing) ประกาศแผนพักงานผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงานส่วนอื่น ๆ ในสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะบริษัทฯ ต้องการรักษาเงินสดรับมือกับการประท้วงที่กำลังมีขึ้นในขณะนี้ โดยโฆษกของโบอิ้งกล่าวว่า การพักงานจะส่งผลกระทบต่อพนักงานหลายหมื่นคน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า แผนการพักงานดังกล่าวมีขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ หลังจากที่เหล่าช่างเครื่องของโบอิ้งกว่า 30,000 คนในเมืองซีแอตเทิลและรัฐโอเรกอนพากันปฏิเสธสัญญาแรงงานฉบับใหม่ และสนับสนุนให้หยุดงานประท้วงด้วยคะแนนเสียง 96% ซึ่งการผละงานประท้วงเกิดขึ้นในช่วงเที่ยงคืนวันศุกร์ (13 ก.ย.)
การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ ซึ่งโบอิ้งได้เสนอขึ้นค่าจ้าง 25% และสหภาพแรงงานก็ให้การรับรองสัญญาเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานบางส่วนเปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธเนื่องจากเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เมืองซีแอตเทิล และไม่ได้มีการนำระบบเงินบำนาญกลับมาอีกครั้งด้วย
ออร์ตเบิร์กซึ่งนั่งแท่นกุมบังเหียนของโบอิ้งได้เพียงไม่ถึง 6 สัปดาห์ ระบุในบันทึกข้อความว่า พนักงานที่ได้รับผลกระทบจะพักงาน 1 สัปดาห์ในทุก ๆ 4 สัปดาห์ตลอดระยะเวลาของการหยุดงานประท้วง และตัวเขาและทีมงานยอมปรับลดเงินเดือน "ตามสมควร" ในระหว่างที่การหยุดงานประท้วงยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ไบรอัน เวสต์ ซีเอฟโอของโบอิ้ง ระบุว่า ผลกระทบทางการเงินจากการหยุดงานประท้วงจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่การประท้วงดำเนินไป โดยบริษัทฯ ยังมีหนี้สินอยู่ถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และการประท้วงครั้งนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
ก่อนที่คนงานในโรงงานจะหยุดงานประท้วง บริษัทโบอิ้งก็ต้องรับมือกับวิกฤตด้านความปลอดภัยและการผลิตที่เกิดจากแผงประตูที่หลุดออกจากเครื่องบิน 737 MAX ลำใหม่กลางอากาศเมื่อเดือนม.ค. อยู่แล้ว
เหตุการณ์นี้จึงนับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับโบอิ้ง บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหาในการเพิ่มการผลิตและกู้คืนชื่อเสียงของบริษัทหลังจากเผชิญกับวิกฤตด้านความปลอดภัย