นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในเอเชีย เพราะจะเป็นการเปิดทางให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียมีโอกาสมากขึ้นในการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
แกรี ดูแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ดาลมา แคปิตอล (Dalma Capital) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยลดแรงกดดันในการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน และช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของสกุลเงินในเอเชีย ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกกับสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง
ขณะเดียวกัน มานิช ภควา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท สเตรตส์ อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ (Straits Investment Management) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยกระตุ้นความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งจะช่วยให้กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ ในขณะที่นักลงทุนก็ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ซาเทรีย แซมบีจันโทโร หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท พีที บาฮานา เซคูริทาส (PT Bahana Sekuritas) กล่าวว่า การที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในการหนุนสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ให้แข็งค่าขึ้น โดยนับจนถึงขณะนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดไม่ได้ถูกตีความว่าเป็นการสะท้อนถึงมุมมองลบที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เฟดได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดวอลล์สตรีทด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) ขณะที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า การที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ถือเป็นการปรับนโยบายการเงิน พร้อมระบุว่า เฟดจะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป "เรากำลังพยายามบรรลุเป้าหมายของการทำให้เงินเฟ้อกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งโดยไม่ทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง" พาวเวลกล่าว และเสริมว่า นักลงทุนควรมองว่าการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเฟดมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว