ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป พร้อมกับให้คำมั่นว่าคณะบริหารของเขาจะเดินหน้าผลักดันให้ต้นทุนการดำรงชีวิตของชาวอเมริกันปรับตัวลดง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไบเดนแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตันเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) ซึ่งมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ไบเดนได้ใช้เวทีการประชุมดังกล่าวซึ่งมีผู้เข้าร่วม 500 คนเพื่อโปรโมทนโยบายของรัฐบาลในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และหลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
"อัตราดอกเบี้ยกำลังปรับตัวลงและคาดว่าจะปรับลดลงอีก ซึ่งนั่นเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับเรา" ไบเดนกล่าว และเสริมว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% พร้อมกับกล่าวถึงการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า "เป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค"
นอกจากนี้ ไบเดนกล่าวว่า เขาไม่เคยพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แม้แต่ครั้งเดียวในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี ไบเดนและพาวเวล พร้อมด้วยเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เคยพบปะกันที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2565 เพื่อหารือกันเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ที่ผ่านมานั้น อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะลดทอนความเป็นองค์กรอิสระของเฟด หากเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
ทั้งนี้ ไบเดนกล่าวในเรื่องนี้ว่า "ผมไม่เหมือนกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ผมให้ความเคารพในความเป็นองค์กรอิสระของเฟด เพราะพวกเขาปฏิบัติภารกิจในการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง และความเป็นองค์กรอิสระของเฟดก็รับใช้ชาติได้ดีแล้ว"