นักวิเคราะห์เตือนว่า แผนจำกัดการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จีนอาจส่งผลกระทบไปไกลเกินกว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และอาจผลักดันให้จีนดำเนินมาตรการเพื่อตอบโต้ธุรกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ในประเทศจีน
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตรียมเสนอมาตรการห้ามใช้และทดสอบเทคโนโลยีและอุปกรณ์ของจีนและรัสเซียในระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบติดต่อสื่อสารของรถยนต์ โดยมาตรการจำกัดดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณานั้นเป็นผลมาจากการสอบสวนความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกิดจากซอฟต์แวร์ยานยนต์ของจีน ซึ่งสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการสอบสวนเมื่อเดือนมี.ค. ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
บิล รุสโซ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทออโต้โมบิลิตี้ (Automobility) ตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนดังกล่าวของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ปัจจุบันการใข้ซอฟต์แวร์ของจีนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในยานยนต์ แต่ยังใช้งานอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์อย่างทีวี หรืออุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ ด้วย
"ถ้าเป้าหมายคือการลดความเสี่ยงจากซอฟต์แวร์จีน แล้วมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน" รุสโซกล่าว พร้อมกับเสริมว่า มาตรการเช่นนี้มีแต่จะยิ่งสุมไฟความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองชาติมหาอำนาจ และอาจนำไปสู่การตอบโต้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของสหรัฐฯ ในประเทศจีน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนถึงสี่เท่าสู่ระดับ 102.5% อย่างไรก็ตาม นักการเมืองหลายคน ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และบุคคลสำคัญในแวดวงอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ต่างแสดงความกังวลว่า บริษัทรถยนต์ของจีนอาจหันไปตั้งโรงงานในเม็กซิโกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าดังกล่าว