สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ฮ่องกงมีแผนปรับลดภาษีสุรา เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงในฐานะจุดหมายปลายทางชั้นแนวหน้าสำหรับการเที่ยวกลางคืน การรับประทานอาหาร และการชอปปิง
แหล่งข่าวระบุว่า การปรับลดภาษีดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในนโยบายเด่นของจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่จะแถลงในช่วงกลางเดือนต.ค. โดยในปัจจุบันสุราที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 30% มีอัตราภาษีเท่ากับ 100% ของมูลค่าสุราในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นอัตราภาษีที่สูงที่สุดในโลก
แหล่งข่าวอีกรายเผยว่า แนวทางหนึ่งที่รัฐบาลกำลังพิจารณาคือระบบการแบ่งระดับ (tiered system) กล่าวคือ ยิ่งสุรามีราคาแพงเท่าไรก็จะยิ่งเสียภาษีน้อยลงเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลมองว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ผู้บริโภคกักตุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูก อันจะเป็นการส่งเสริมการลดความเสี่ยงด้านสุขภาพไปในตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม การหารือเกี่ยวกับภาษีสุรายังคงไม่ได้ข้อสรุป และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หากมีการดำเนินนโยบายดังกล่าว จะถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของฮ่องกงในการส่งเสริมยอดขายของร้านอาหาร บาร์ และบรรดาผู้ค้าปลีก ซึ่งประสบกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นหลังการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนการใช้จ่ายในประเทศที่ชะลอตัวลงท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์และการเงินที่ยังคงซบเซา
นอกจากนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการกลับมาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการชอปปิงอีกครั้ง เนื่องด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นจากเมืองใหญ่ ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งภาคการท่องเที่ยวคึกคักอย่างมากจากอานิสงส์ของเงินเยนที่อ่อนค่า