แคโรไลน์ เอลลิสัน อดีตผู้บริหารบริษัทคริปโทเคอร์เรนซี ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปีเมื่อวันอังคาร (24 ก.ย.) ฐานมีส่วนร่วมในแผนการฉ้อโกงของแซม แบงค์แมน-ฟรีด อดีตแฟนหนุ่มที่ยักยอกเงินลูกค้ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) บริษัทกระดานเทรดคริปโทฯ ที่ล้มละลายไปแล้ว แม้ว่าผู้พิพากษาจะยอมรับว่า เอลลิสันให้ความร่วมมือกับอัยการอย่างเต็มที่ก็ตาม
ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ลูอิส แคปแลน เปิดเผยความรู้สึกที่ลำบากใจในการพิจารณาคดีที่ศาลรัฐบาลกลางในแมนฮัตตันครั้งนี้ แม้เอลลิสันจะสำนึกผิดและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี แต่การกระทำของแบงค์แมน-ฟรีดนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ การลดหย่อนโทษให้เอลลิสันจึงไม่ต่างอะไรกับการมอบ "ใบเบิกทางออกจากคุกฟรี ๆ"
เอลลิสัน วัย 29 ปี ยอมรับผิดใน 7 ข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิด ซึ่งถือเป็นความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ เธอตัดสินใจขึ้นให้การเป็นพยานฝ่ายโจทก์ในคดีของแบงค์แมน-ฟรีด อดีตคนรักที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและข้อหาอื่น ๆ เมื่อปีที่แล้ว และกำลังรับโทษจำคุก 25 ปี จากกรณีที่เอฟทีเอ็กซ์ บริษัทที่เขาก่อตั้ง ล้มละลายในปี 2565
ข้อหาทั้งหมดที่เอลลิสันสารภาพนั้นมีโทษสูงสุดถึง 110 ปี ทนายความของเธอพยายามต่อสู้ให้เธอไม่ต้องรับโทษจำคุกเลย เนื่องจากเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทางการ ฝั่งอัยการก็เห็นด้วยที่จะให้มีการผ่อนปรนโทษเช่นกัน
ผู้พิพากษาแคปแลนกล่าวกับเอลลิสันว่าเธอ "มีความผิดร้ายแรงในคดีฉ้อโกงครั้งนี้" แต่เขาย้ำว่า การที่เธอให้ความร่วมมือกับศาลอย่างดีเยี่ยมนั้นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เธอแตกต่างจากแบงค์แมน-ฟรีด
"ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก" ผู้พิพากษากล่าวกับเอลลิสัน "แต่ประเด็นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นการฉ้อโกงทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศนี้ หรือที่ใดในโลก หากไม่ใช่ที่สุด ก็ใกล้เคียงที่สุด"
"ไม่มีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ฉันทำร้าย" เอลลิสันกล่าว "สมองของฉันยังไม่สามารถเข้าใจถึงขนาดความเสียหายที่ฉันได้ก่อขึ้นได้อย่างแท้จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจ"
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2564-2565 เอลลิสันเป็นผู้บริหารอาลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ที่เน้นลงทุนในคริปโทฯ ก่อตั้งโดยแบงค์แมน-ฟรีด เอลลิสันเล่าว่า เธอเคยคิดจะลาออกจากอาลาเมดาหลายครั้ง
"ทุกครั้งที่ฉันคิดจะทำแบบนั้น ฉันจะได้ยินเสียงของแซมดังอยู่ในหัว" เอลลิสันกล่าวกับผู้พิพากษา
"การเพิกเฉยต่อเสียงในหัวของฉันและออกมาเปิดเผยความจริงคงจะเป็นเรื่องที่กล้าหาญ" เอลลิสันกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอเบ้า "ฉันเสียใจที่ฉันไม่กล้าพอ"
ด้านสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีนี้ ได้ขอให้ผู้พิพากษาแคปแลนลดหย่อนผ่อนโทษให้กับเอลลิสัน
"ดิฉันขอยืนยันว่า คำให้การของคุณเอลลิสันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการตัดสินว่าแซม แบงค์แมน-ฟรีด มีความผิด" อัยการดาเนียล ซาสซูน กล่าวต่อศาล
อัยการกล่าวว่า เอลลิสันได้เข้าพบกับพวกเขาประมาณ 20 ครั้ง เพื่อช่วยปะติดปะต่อเรื่องราวการล่มสลายของเอฟทีเอ็กซ์ และรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับแบงค์แมน-ฟรีด
"ต่างจากแบงค์แมน-ฟรีด เธอไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเธอถูกครอบงำด้วยความโลภ หรือชอบเสี่ยง หรือกระหายอำนาจอยู่ในสันดาน" ซาสซูนกล่าว
อนจัน ซาห์นี ทนายความของเอลลิสัน แถลงต่อศาลว่า การไม่จำคุกเอลลิสัน "จะเป็นการส่งสารที่ทรงพลังถึงคุณค่าของการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว และเต็มที่ในคดีอาชญากรรมทางการเงิน"
"เธอไม่ได้ปิดบังรายละเอียดใด ๆ แม้ว่ารายละเอียดเหล่านั้นจะทำให้เธอรู้สึกอับอายก็ตาม" ซาห์นีกล่าว พร้อมเสริมว่า "ความซื่อสัตย์และความเปิดเผย" ของเอลลิสันเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อคดีของฝ่ายโจทก์
ผู้พิพากษาแคปแลนกล่าวว่า เขาจะแนะนำให้ควบคุมตัวเอลลิสันไว้ในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับต่ำ และเริ่มต้นรับโทษในเดือนพ.ย.นี้ หากเอลลิสันประพฤติตัวดีในระหว่างถูกคุมขัง ก็อาจได้รับการพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนด ซึ่งอาจทำให้โทษจำคุกสั้นลงได้ 2-3 เดือน