ฮ่องกงสามารถแซงหน้าสิงคโปร์ขึ้นสู่ตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชียได้อีกครั้ง และผงาดขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินอันดับ 3 ของโลก
ผลการจัดอันดับศูนย์กลางการเงินระดับโลกครั้งล่าสุดพบว่า ฮ่องกงได้รับการจัดให้เป็นศูนย์กลางการเงินอันดับ 3 ของโลกในดัชนี Global Financial Centres Index (GFCI) รองจากมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในอันดับ 1 และกรุงลอนดอนของอังกฤษอยู่ที่อันดับ 2 ส่วนสิงคโปร์อยู่ที่อันดับ 4 ของโลก ผลสำรวจล่าสุดนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับฮ่องกง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ฮ่องกงเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้พนักงานจำนวนมากอพยพออกจากฮ่องกง นอกจากนี้ การทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในกลุ่มผู้บริโภคของฮ่องกงชะลอตัวลงด้วย ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงคาดหวังว่าการออกมาตรการริเริ่มในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี GFCI ซึ่งรวบรวมโดยนักวิจัยของ Z/Yen Partners และสถาบัน China Development Institute นั้น ได้ทำการประเมินศูนย์กลางการเงินจำนวน 121 แห่ง โดยใช้ข้อมูลและผลสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงินหลายพันคนที่เข้าร่วมการสำรวจทางออนไลน์
ทั้งนี้ GFCI ได้จัดอันดับ 20 เมืองที่เป็นศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลก ดังนี้
1. นิวยอร์ก - สหรัฐฯ
2. ลอนดอน - อังกฤษ
3. ฮ่องกง
4. สิงคโปร์
5. ซานฟรานซิสโก - สหรัฐฯ
6. ชิคาโก - สหรัฐฯ
7. ลอสแอนเจลิส - สหรัฐฯ
8. เซี่ยงไฮ้ - จีน
9. เซินเจิ้น - จีน
10. แฟรงก์เฟิร์ต - เยอรมนี
11. โซล - เกาหลีใต้
12. วอชิงตัน ดีซี - สหรัฐฯ
13. เจนีวา - สวิตเซอร์แลนด์
14. ดับลิน - ไอร์แลนด์
15. ปารีส - ฝรั่งเศส
16. ดูไบ - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
17. ซูริก - สวิตเซอร์แลนด์
18. ปักกิ่ง - จีน
19. ลักเซมเบิร์ก
20. โตเกียว - ญี่ปุ่น