กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากมีความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ พร้อมกับเตือน จิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะต้องดำเนินการอย่างสอดคล้องกับ RBA ในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง
สำนักข่าวซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ (Sydney Morning Herald) รายงานว่า IMF แสดงความเห็นดังกล่าวในรายงาน "2024 Article IV Mission" ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยระบุว่า IMF สนับสนุนการตัดสินใจของ RBA ที่ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.35% ซึ่งเป็นระดับสุงสุดในรอบ 12 ปี แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วก็ตาม
"เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงที่ปรากฎให้เห็นมากขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการคงนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเอาไว้จนกว่าแนวโน้มของเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายอย่างยั่งยืน ดังนั้นการที่ RBA ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง" IMF ระบุในรายงานดังกล่าว
IMF ยังระบุด้วยว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องควบคุมการใช้จ่ายด้านการคลังในกรณีที่เงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขัดแย้งกับที่รัฐบาลออสเตรเลียกล่าวอ้างว่านโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลไม่มีผลกระทบต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
"การปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการใช้จ่ายใหม่ ๆ หลายรายการ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายในการสนับสนุนค่าครองชีพนั้น คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ" IMF ระบุ