บรรดาผู้ค้าและสมาชิกในภาคอุตสาหกรรมเนื้อวัว เปิดเผยว่า การหยุดงานประท้วงของคนงานที่ท่าเรือชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเนื้อวัวซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับใช้ทำแฮมเบอร์เกอร์ เนื่องจากปัจจุบันร้านอาหารและร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ หันมาใช้เนื้อวัวนำเข้ากันมากขึ้นด้วยข้อจำกัดของเนื้อวัวในประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แรงงานท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันออกและอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ เริ่มหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ส่งผลให้การขนส่งทางทะเลราวครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก หลังจากการเจรจาสัญญาจ้างงานฉบับใหม่ล้มเหลว เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นค่าจ้าง
การประท้วงครั้งนี้ทำให้การขนส่งสินค้าที่ท่าเรือหลายสิบแห่ง ตั้งแต่รัฐเมนถึงรัฐเท็กซัส ต้องหยุดชะงัก และกระทบสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่อาหาร เนื้อวัว อาหารทะเล กล้วยหอมกัวเตมาลา ไวน์อิตาลี ไปจนถึงรถยนต์ เช่นเดียวกับการส่งออกเนื้อไก่ของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำเข้าอาหารกล่าวว่า แม้การหยุดชะงักด้านการขนส่งจะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้น แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารของสหรัฐฯ ในวงกว้างได้ และยิ่งหากการประท้วงยืดเยื้อออกไป จะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิดหรือเงินเฟ้อ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง
เอเวอร์สตรีม อนาไลติกส์ (Everstream Analytics) เปิดเผยว่า ณ ช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา (2 ต.ค.) พบเรือบรรทุกสินค้ามากกว่า 50 ลำจอดทอดสมอหรือเทียบท่าที่ท่าเรือหลายแห่งบริเวณชายฝั่งตะวันออกและอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนผละงานในวันอาทิตย์ (29 ก.ย.) ที่มีเพียง 3 ลำ
บ็อบ ชูดี ที่ปรึกษาของบริษัทนำเข้าเนื้อวัวหลายแห่ง กล่าวว่า การหยุดงานที่เกิดขึ้นอาจทำให้ต้นทุนของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเพิ่มสูงขึ้น หากสถานการณ์ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
"จู่ ๆ เครือร้านฟาสต์ฟู้ดที่เคยพึ่งเนื้อไม่ติดมันจากต่างประเทศในราคาที่เคยสมเหตุสมผลกว่านี้มาก ก็จะต้องหันไปหาทางเลือกใหม่ ๆ ในประเทศแทน"