โนมูระ โฮลดิงส์ (Nomura Holdings) ออกรายงานเตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับภาวะฟองสบู่แตกของตลาดหุ้นจีนหลังจากตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 16 ปี เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศเวลานี้ยังอ่อนแอกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด
ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระซึ่งนำโดยถิง ลู่ ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ว่า "การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของตลาดหุ้นจีนจะตามมาด้วยการทรุดตัวลงอย่างหนัก เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2558" ซึ่งสถานการณ์ในแง่ลบดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าสถานการณ์ในเชิงบวก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.) ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นหลายระลอกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอ และหลังจากนั้นตลาดหุ้นจีนปิดทำการเป็นเวลาหลายวันเนื่องในวันชาติ
ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 13 เมื่อวันพุธ ก่อนที่จะดิ่งลงในวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีมุมมองเชิงบวกยังคงมองว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนในครั้งนี้แตกต่างจากการดีดตัวขึ้นเพียงชั่วคราวในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้จัดการกองทุนระดับโลกหลายแห่งต่างก็แห่ลงทุนในตลาดหุ้นจีนกันมากขึ้น แต่ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระไม่คิดเช่นนั้น
"แม้ว่านักลงทุนอาจรู้สึกมั่นใจที่จะเดินหน้าลงทุนท่ามกลางตลาดที่คึกคักในขณะนี้ แต่ก็จำเป็นต้องมีการประเมินที่รอบคอบมากขึ้นด้วย" โนมูระบุในรายงาน
โนมูระระบุว่า ความเปราะบางของเศรษฐกิจจีนนั้น มีสาเหตุมาจากวิกฤตการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานเกือบ 4 ปี รวมทั้งหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตลอดจนสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ
ทั้งนี้ โนมูระยังระบุด้วยว่า หากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนกลับกลายเป็นฟองสบู่แตก สิ่งที่แย่กว่าอาจจะเกิดขึ้นตามมา โดยรัฐบาลจีนอาจหันไปใช้วิธีการพิมพ์เงินเพิ่ม ซึ่งในกรณีนั้น เม็ดเงินทุนจะไหลออกจากจีนจำนวนมากและอาจจะกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลงด้วย