หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปของจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงทะยานขึ้นแข็งแกร่งในวันนี้ (7 ต.ค.) นำโดยหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟเจอริง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ป (SMIC) ส่งผลให้มูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปของจีนพุ่งขึ้น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือออกมาตรการสนับสนุนด้านการเงินให้กับอุตสาหกรรมผลิตชิปซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ราคาหุ้น SMIC ซึ่งถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในข้อหาให้ความช่วยเหลือกองทัพจีนนั้น พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 28% ในวันนี้ แตะที่ระดับสูงสุดในรอบสี่ปี ส่งผลให้ราคาหุ้น SMIC ทะยานขึ้นไปแล้วถึง 65% นับตั้งแต่ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดราว 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่หุ้นบริษัทคู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่าอย่าง หัวหง เซมิคอนดักเตอร์ (Hua Hong Semiconductor) และหุ้นเซี่ยงไฮ้ ฟู่ตัน ไมโครอิเล็กโทรนิกส์ (Shanghai Fudan Microelectronics) มีมูลค่าตลาดรวมกันเพิ่มขึ้นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นช่องทางการซื้อขายเดียวของบริษัทผลิตชิปของจีนตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงปิดทำการในวันนี้และจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับชุดนโยบายที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนต่างคาดหวังว่ารัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
นักเศรษฐศาสตร์และเทรดเดอร์ต่างจับตาการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากคณะผู้นำของจีนได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะยุติการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยก่อนที่จะถึงช่วงหยุดยาววันชาติ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การเพิ่มสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ในภาคธนาคาร และให้คำมั่นสัญญาว่าสนับสนุนตลาดหุ้นในวงเงินสูงถึง 3.40 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ