เชฟรอน (Chevron) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) ว่า บริษัทจะขายสินทรัพย์ในแหล่งทรายน้ำมันอาทาบาสกาและแหล่งหินดินดานดูเวอร์เนย์ให้แก่บริษัทแคนาเดียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส (Canadian Natural Resources) ในมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายสินทรัพย์ของบริษัท
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การซื้อขายดังกล่าวจะชำระเป็นเงินสดทั้งหมด และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 6 ธ.ค. โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การระดมทุน 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการขายสินทรัพย์ภายในปี 2571 ขณะที่บริษัทมุ่งความสนใจไปยังส่วนอื่นมากขึ้น เช่น แหล่งหินดินดานในสหรัฐฯ และคาซัคสถาน
การขายครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มอำนาจทางการเงินให้กับเชฟรอนในการเข้าซื้อกิจการเฮสส์ (Hess) มูลค่า 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยถึงแม้ว่าข้อเสนอซื้อกิจการจะผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ (FTC) แล้ว แต่เอ็กซอน (Exxon) ได้ยื่นโต้แย้งข้อตกลงดังกล่าวต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งมีกำหนดจะพิจารณาคำร้องในเดือนพ.ค. ปีหน้า
ทั้งนี้ สินทรัพย์ของเชฟรอนในแคนาดาตั้งอยู่ในรัฐแอลเบอร์ตา มีกำลังการผลิต 84,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (boepd) ในปี 2566 โดยแหล่งดูเวอร์เนย์เป็นหนึ่งในแหล่งหินดินดานชั้นนำของแคนาดา
หลังจากข้อตกลงนี้ แคนาเดียน เนเชอรัล จะเป็นเจ้าของ 90% ของโครงการทรายน้ำมันอาทาบาสกา ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นของเชลล์ (Shell)
อัลเลน กูด นักวิเคราะห์จากมอร์นิ่งสตาร์ (Morningstar) กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ช่วยให้เชฟรอนสามารถขายสินทรัพย์ที่มีต้นทุนสูงอย่างแหล่งทรายน้ำมันและแหล่งดูเวอร์เนย์ออกไปได้
"บรรดาบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่กำลังถอนตัวออกจากแหล่งทรายน้ำมันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป" เขากล่าว
ทางด้านคณะผู้บริหารของแคนาเดียน เนเชอรัล กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า บริษัทจะเพิ่มเป้าหมายการผลิตในปี 2568 อีก 122,500 boepd โดยรวมสินทรัพย์จากแหล่งดูเวอร์เนย์ด้วย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะส่งผลให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น 400 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า
นอกจากนี้ แคนาเดียน เนเชอรัล ยังประกาศเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้น 7% เป็น 56.25 เซนต์แคนาดาต่อหุ้น โดยจะจ่ายในเดือนม.ค. 2568 โดยมาร์ค สเตนธอร์ป ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะเพิ่มกระแสเงินสดและกำไรทันที