บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และเมอร์เซเดส (Mercedes) สองแบรนด์รถหรูสัญชาติเยอรมัน เปิดเผยในวันนี้ (10 ต.ค.) ว่า ยอดขายไตรมาส 3/2567 ทรุดหนัก เหตุตลาดจีนซบเซาและการแข่งขันที่ดุเดือด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วงการยานยนต์เยอรมนีกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง การปรับตัวสู่ยุครถไฟฟ้า (EV) ดีมานด์ที่หดหาย และการรุกคืบของผู้ผลิตรถยนต์จีน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในยุโรปยังลังเลที่จะควักกระเป๋าซื้อรถ EV ที่แพงกว่า ส่วนหนึ่งเพราะสถานีชาร์จยังมีไม่ทั่วถึง
รายงานระบุว่า ยอดขายช่วงก.ค.-ก.ย. ของบีเอ็มดับเบิลยูดิ่งลง 13% โดยยอดขายในจีนทรุดฮวบฮาบถึง 1 ใน 3 นอกจากนี้ เมอร์เซเดสยังเผยด้วยว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกซบเซา ส่งผลให้ยอดขาย BEV ของบริษัทหายไปถึง 31%
ขณะที่ยอดขายช่วงเดียวกันของเมอร์เซเดสหดตัว 3% โดยเฉพาะยอดขายในจีนที่ร่วงลงไป 13% อย่างไรก็ดี บีเอ็มดับเบิลยูกลับมียอดขาย BEV เพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งสองค่ายได้ปรับลดเป้าหมายประจำปีลงเมื่อเดือนก.ย. อ้างตลาดจีนที่ซบเซา นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยูยังประสบปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรกที่ผลิตโดยคอนติเนนทอล (Continental) โดยนับแต่ต้นปีมานี้ ราคาหุ้น BMW และเมอร์เซเดสร่วงลง 23% และ 9% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มยานยนต์ทั่วยุโรปดิ่งลง 13%
ตลาดรถยนต์จีนซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกกำลังซวนเซ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวฉุดความต้องการ ขณะที่ผู้ผลิตต่างชาติต้องเผชิญศึกหนักจากคู่แข่งในจีนที่เสนอรถราคาถูกกว่า โดยเฉพาะในตลาดรถ EV
ทั้งนี้ สหภาพยุโรป (EU) เพิ่งขึ้นภาษีนำเข้ารถ EV ที่ผลิตจากจีนเป็นมูลค่ามหาศาล โดยอ้างเหตุผลว่ารถ EV เหล่านี้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนอย่างไม่เป็นธรรม ด้านทางการจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาและขู่จะตอบโต้ ขณะที่ผู้ผลิตรถเยอรมนีเจ้าต่าง ๆ ซึ่งพึ่งพาตลาดจีนถึง 1 ใน 3 ของกำไร แสดงความกังวลและเรียกร้องให้มีการเจรจาเพิ่มเติม