เรนโก (Rengo) ซึ่งเป็นสมาพันธ์สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ประกาศในวันนี้ (18 ต.ค.) ว่า จะเรียกร้องให้ขึ้นค่าจ้างอย่างน้อย 5% ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
นอกจากนี้ ทางสหภาพต้องการให้ขึ้นค่าจ้างอย่างน้อย 6% สำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เพื่อลดช่องว่างของค่าจ้างระหว่างบริษัทขนาดใหญ่กับ SME เนื่องจาก SME ส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังราคาสินค้าของตนได้ลำบาก
เรนโกกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราจะเพิ่มความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่าง ๆ สามารถส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เราสามารถบรรลุการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างได้และลดช่องว่างของค่าจ้างได้อย่างยั่งยืน"
เรนโกระบุว่า เป้าหมายของสหภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการเจรจาเรื่องค่าจ้างในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ คือการรักษาแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาราคาสินค้าที่พุ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สมาชิกสหภาพแรงงานได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างเฉลี่ย 5.1% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปีที่ตัวเลขดังกล่าวสูงเกินเกณฑ์ 5% เนื่องจากทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายแรงงานต่างเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นในการขึ้นค่าจ้างในขณะที่ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน การปรับขึ้นค่าจ้างโดยเฉลี่ยของ SME อยู่ที่ 4.45% ในปี 2567 โดยการเจรจาเรื่องค่าจ้างประจำปีจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนก.พ. และโดยทั่วไปแล้วบริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะสรุปผลได้ภายในกลางเดือนมี.ค. ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวจะมีอิทธิพลต่อการเจรจาค่าจ้างของบริษัทขนาดเล็ก