World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 21, 2024 07:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดไร้ทิศทางในวันนี้ (21 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางจีนเตรียมประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ในวันนี้ รวมทั้งจับตาผลการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ด้วย

นักวิเคราะห์จาก ING คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR อายุ 1 ปีและ 5 ปีลง 0.20% ในวันนี้

-- พาน กงเซิ่ง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า อัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ อาจลดลงอีก 0.25-0.50% ภายในสิ้นปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายด้านนโยบายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ผู้ว่าการ PBOC กล่าวในการประชุมด้านการเงินที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ว่า อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วันจะลดลง 0.20% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางจะลดลง 0.30%

ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ PBOC ได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลังจากที่มีการประกาศมาตรการต่าง ๆ เมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมาเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดทุน

-- บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) บริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมนี จะเรียกคืนรถยนต์เกือบ 700,000 คันในประเทศจีน เนื่องจากพบความบกพร่องของปั๊มน้ำหล่อเย็น

สำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป BMW จะเรียกคืนรถยนต์ 499,539 คันที่ผลิตในจีน และ 188,371 คันที่นำเข้า โดยระบุว่า ปลั๊กของปั๊มน้ำหล่อเย็นที่มีปัญหาซึ่งติดตั้งในรถบางรุ่นอาจนำไปสู่การกัดกร่อนหรือเป็นสนิม ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้

ทั้งนี้ รุ่นรถที่ได้รับผลกระทบนั้นรวมถึงรุ่นซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 ที่ผลิตในจีน และรถ SUV นำเข้ารุ่นซีรีส์ X

-- ผลโพลล์ล่าสุดจากสำนักข่าวเกียวโดเผยว่า คะแนนนิยมรัฐบาลของชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ลดลงเหลือ 41.4% ขณะที่ผู้ไม่สนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็น 40.4%

ช่องว่างระหว่างผู้สนับสนุนกับผู้ไม่สนับสนุนจึงแคบลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับโพลล์เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งคะแนนนิยมครั้งนั้นอยู่ที่ 42% และคะแนนไม่สนับสนุนอยู่ที่ 36.7%

-- รัสเซียเปิดฉากถล่มยูเครนทั่วประเทศในคืนวันที่ 19 ต.ค. โดยโจมตีทั้งกรุงเคียฟและแถบตะวันตกแคว้นลวิว (Lviv) เจ้าหน้าที่รายงานว่ามีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 17 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งในเมืองกรือวึยรีห์ (Kryvyi Rih) ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ

ทางการทหารของกรุงเคียฟรายงานผ่านแอปเทเลแกรมว่า มีโดรนประมาณ 10 ลำถูกยิงตกในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองหลวง โดยที่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

-- อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีพันล้านประกาศว่าจะแจกเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐทุกวันจนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ให้กับคนที่ลงชื่อในคำร้องออนไลน์สนับสนุนรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

รายงานระบุว่า มัสก์ได้มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้เข้าร่วมงานที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นงานรณรงค์หาเสียงให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน โดยผู้โชคดีคนแรกคือ นายจอห์น เดรเฮอร์ ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่จัดงาน

-- เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 ต.ค.) เกิดเหตุสลดในเมืองเบตลาฮิยา ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เมื่อเครื่องบินรบอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มบ้านเรือนประชาชนและอาคารที่พักอาศัยหลายชั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ตามรายงานของแพทย์และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยขณะนี้ทีมกู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวของกลุ่มฮามาสแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้อย่างน้อย 73 ราย แม้ว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะยังไม่ได้เผยแพร่ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แต่เมดเวย์ อับบาส เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงฯ ได้ยืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวถูกต้อง

-- ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ว่า เฟดควรมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างช้า ๆ สู่ระดับระหว่าง 3% - 3.5% ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมายที่ 2% ในเวลานั้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย "เราจำเป็นต้องทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ผมไม่ต้องการให้เงินเฟ้อหยุดลดลงเพราะเราไม่ดำเนินนโยบายที่เข้มงวดนานพอ ดังนั้นผมจะรอคอยอย่างอดทน" บอสติกกล่าว และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกตามเป้าหมายของเฟด ซึ่งในขณะนี้อยู่ในช่วง 4.75-5%

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันนี้ (21 ต.ค.) โดยจีนเปิดเผยธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR), เยอรมนีเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ