นักวิเคราะห์ของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะเดินหน้าทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้าขึ้นสู่ระดับ 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2,700 ดอลลาร์ และคาดว่าในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้ราคาทองจะทะยานขึ้นจนถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์ โดยระบุถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแรงซื้อกองทุน ETF ทองคำ
"เราคาดว่าทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในช่วงปลายวัฏจักรอย่างชัดเจน โดยคาดว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าทองคำจะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น" ซิตี้ รีเสิร์ช ระบุในรายงาน
ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุในรายงานว่า "เรายังคงแนะนำให้ลูกค้าถือครองทองคำ เนื่องจากเชื่อว่าราคาทองจะได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทองคำยังได้ประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเงิน และภาวะเศรษฐกิจถดถอย"
ทางด้านเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า "อุปสงค์ทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนและธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่การที่นักลงทุนทั่วไปยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดตั้งกองทุน ETF ทองคำที่มุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยนั้น จะช่วยให้ราคาทองคำยังคงรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เฟดเริ่มต้นวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฟดได้เริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมอีก 1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ ทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์