กิตา โกปินาท รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ความตึงเครียดทางการค้าและภาษีนำเข้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะส่งผลกระทบลามไปยังเศรษฐกิจทั่วโลก
โกปินาทระบุว่า สหรัฐฯ และจีนทำการค้าระหว่างกันน้อยลง และสินค้าบางส่วนเริ่มถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศอื่น ๆ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และสหภาพยุโรป (EU) กับจีนที่ทวีความรุนแรงในปีนี้ โดยทั้งสหรัฐฯ และ EU ต่างปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากจีน เพื่อรับมือกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าของจีนที่สหรัฐฯ และ EU อ้างว่าไม่เป็นธรรม ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก EU เช่นกัน
หากการขึ้นภาษีนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น การวิเคราะห์จาก IMF ชี้ว่า "จะส่งผลเสียต่อทุกฝ่าย" โกปินาทกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันพุธ (23 ต.ค.) นอกรอบการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
"ผลผลิตทั่วโลกจะต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มากสำหรับทุกประเทศในโลก และจะมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ดังนั้น มันไม่ใช่ทิศทางที่เราควรมุ่งหน้าไป" โกปินาทระบุ
โกปินาทกล่าวเสริมด้วยว่า หากสหรัฐฯ และจีนทำงานร่วมกัน ไม่เพียงทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าวยังมีความสำคัญต่อส่วนอื่น ๆ ของโลกด้วย
ทั้งนี้ IMF เตือนในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2568 ฉบับล่าสุดว่า นโยบายกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ