อีลอน มัสก์ มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 24 ต.ค. หลังราคาหุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งทะยานมากที่สุดในรอบกว่าสิบปี ส่งผลให้มัสก์ยังคงครองอันดับหนึ่งในดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) ต่อไป
หุ้นเทสลาปิดบวกถึง 22% ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี โดยหุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง ขานรับรายงานผลกำไรรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2566 หลังจากก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังติดต่อกันมาสี่ไตรมาส อันเนื่องมากจากความต้องการของผู้บริโภคที่ชะลอตัว
การมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของมัสก์ในครั้งนี้ส่งผลให้ทรัพย์สินสุทธิของเขาขึ้นมาอยู่ที่ 2.703 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าเจฟฟ์ เบซอส ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างแอมะซอน (Amazon) ซึ่งตามมาในอันดับสอง อยู่ 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยหุ้นและออปชันของเทสลาคิดเป็นสัดส่วนประมาณสามในสี่ของทรัพย์สินของมัสก์ ขณะที่ทรัพย์สินส่วนที่เหลือนั้นรวมไปถึงหุ้นจำนวนมากในสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เอ็กซ์ (X) และบริษัทปัญญาประดิษฐ์ เอ็กซ์เอไอ (xAI)
มัสก์กล่าวในระหว่างการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ภายหลังการประกาศผลประกอบการของบริษัทเทสลาว่า เขาจะผลักดันกระบวนการอนุมัติยานยนต์ไร้คนขับในระดับรัฐบาลกลาง หากเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ กรณีที่แคนดิเดตของพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. นี้
ทั้งนี้ เทสลาคาดการณ์ว่า ยานยนต์ไร้คนขับจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของบริษัท
"ผมขอทำนายว่า เทสลาจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก" มหาเศรษฐีวัย 53 ปีกล่าว