เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) บริษัทผลิตรถยนต์หรูของเยอรมันเปิดเผยในวันนี้ (25 ต.ค.) ว่า กำไรในไตรมาสที่ 3 ของแผนกรถยนต์หลัก ดิ่งลงถึง 64% เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนยังคงลดการซื้อสินค้าหรูท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
"ผลประกอบการไตรมาส 3 ไม่เป็นไปตามที่เราตั้งเป้าไว้" ฮาราลด์ วิลเฮล์ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ระบุในแถลงการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กำไรในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงรุ่นรถยนต์และสภาวะตลาดที่ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถ SUV G-Class รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาสหน้า
เมอร์เซเดสคาดว่า ยอดขายรถยนต์ในปีนี้อาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย และยอดขายในไตรมาส 4 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 3
ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่ปรับปรุงแล้วในแผนกรถยนต์ลดลงเหลือ 1.2 พันล้านยูโร (1.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เทียบกับประมาณการของ LSEG ที่คาดว่าอาจลดลง 3.6% เหลือ 3.19 พันล้านยูโร
รายงานข่าวนี้ออกมา หลังจากที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ปรับลดเป้าหมายกำไรทั้งปีลงถึง 2 ครั้งในระหว่างไตรมาส 3 เช่นเดียวกับบริษัทรถยนต์หรูในยุโรปหลายแห่งที่ระบุว่าตลาดรถยนต์จีนที่อ่อนแอลงส่งผลให้กำไรและอัตรากำไรลดลง
โอลา แคลเลนีอุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมอร์เซเดส-เบนซ์เตือนว่า ผู้บริโภคชาวจีนตอนนี้มีความระมัดระวังในการซื้อของชิ้นใหญ่อย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงเป็นเวลานานประกอบกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้บริโภค