ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ยังคงมีมุมมองบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งสร้างความสับสนและความกังวลให้กับบรรดานักเศรษฐศาสตร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า RBI ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะขยายตัว 7.2% ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2568 แม้หลักฐานเมื่อไม่นานมานี้จะบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแอลง โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวห่างไกลจากที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวราว 6.5% - 7%
นอกจากนี้ มุมมองเชิงบวกของ RBI ยังสวนทางกับที่วาณิชธนกิจหลายแห่ง เช่น โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้หั่นคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียเหลือ 6.5%
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ RBI มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจอินเดียนั้น มาจากมุมมองที่ว่าการใช้จ่ายในพื้นที่ชนบทกำลังปรับตัวดีขึ้นและการลงทุนของภาคเอกชนกำลังฟื้นตัวเช่น อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าการบริโภคในพื้นที่เขตเมืองซบเซาลงและการส่งออกที่อ่อนแอลงนั้นถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล และยังระบุว่าด้วยว่าหากสัญญาณเตือนดังกล่าวถูกละเลย RBI ก็มีความเสี่ยงที่จะต้องเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่คุมเข้มมากเกินไป ซึ่งจะยิ่งบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดิราช นิม นักเศรษฐศาสตร์จากออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิง คอร์ป (Australia & New Zealand Banking Corp) กล่าวว่า "การคาดการณ์ของ RBI สูงกว่าที่ค่าความคลาดเคลื่อนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ... และผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมของอินเดียในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีพัฒนาการที่ดีมากพอที่จะสนับสนุนการคาดการณ์ของ RBI"
ทั้งนี้ ยอดขายในหลายภาคส่วนของอินเดียตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงกาแฟ และภาคการผลิตนั้น ชะลอตัวลง โดยกิจกรรมในภาคโรงงานของอินเดียอ่อนแอลงนับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ยอดขายรถยนต์ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. และการเดินทางทางอากาศปรับตัวลงเป็นเวลา 3 เดือนภายในระยะเวลา 4 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้