นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 รายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยคาดว่าข้อมูลเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการจ้างงานที่ขยายตัวเพียงเล็กน้อยของสหรัฐฯ
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ในวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 110,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียงครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยในปีนี้ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน 2 ลูกที่พัดถล่มสหรัฐฯ และการผละงานประท้วงของคนงานบริษัทโบอิ้ง (Boeing) ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ากรรมการเฟดจะไม่ให้น้ำหนักกับปัจจัยชั่วคราวเหล่านี้ และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. อย่างไรก็ดี แม้เจ้าหน้าที่เฟดจะมีความมั่นใจว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงเมื่อพิจารณาในภาพรวม แต่ก็คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญนั้น จะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนี PCE พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมต้นทุนอาหารและพลังงาน จะดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน นอกจากนี้ คาดว่าในรายงานดัชนี PCE ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ (31 ต.ค.) ทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งขึ้นในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2567 ในวันพุธนี้ (30 ต.ค.) โดยคาดว่าตัวเลข GDP จะขยายตัว 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวในไตรมาสก่อนหน้า