บิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 69,000 ดอลลาร์ในวันนี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์พุ่งขึ้น 2.08% สู่ระดับ 69,172.25 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase
แม้ผลการสำรวจจากหลายสำนักบ่งชี้คะแนนนิยมที่สูสึกันอย่างมากระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. แต่สำหรับในแวดวงการพนัน ต่างเดิมพันว่านายทรัมป์จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้
ทั้งนี้ แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย เช่น BetOnline คาดการณ์ว่านายทรัมป์มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง โดยให้ราคาต่อรองอยู่ที่ -200 ขณะที่นางแฮร์ริสมีราคาต่อรองอยู่ที่ +170
ส่วน Bet365 ให้ราคาต่อรองสำหรับนายทรัมป์ -188 ขณะที่นางแฮร์ริสอยู่ที่ +150 และ Bovada ให้ราคาต่อรองสำหรับนายทรัมป์ -185 ขณะที่นางแฮร์ริสอยู่ที่ +160
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มพนันออนไลน์ยังคาดการณ์ว่า พรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยสามารถกวาดคะแนนเสียงครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
The Conversation ซึ่งเป็นองค์กรข่าวที่ไม่แสวงหาผลกำไร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ตลาดพนันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเก็งผลผู้ชนะการเลือกตั้งผิดพลาดเพียง 2 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2409 ซึ่งหนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในปี 2559 โดยตลาดให้ราคาต่อรอง -323 ว่านางฮิลลารี คลินตันจะชนะการเลือกตั้งในปีดังกล่าว แต่ผลปรากฎว่าเป็นนายทรัมป์ที่คว้าชัยชนะแบบหักปากกาเซียน จนได้ครองทำเนียบขาวเป็นสมัยแรก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยบวกต่อบิตคอยน์ เนื่องจากเขามีนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี และเขามีแผนที่จะทำให้สหรัฐเป็นเมืองหลวงของคริปโทฯ
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังมีแผนที่จะแต่งตั้งให้นายอีลอน มัสก์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ Department Of Government Efficiency (D.O.G.E.) ซึ่งเป็นกระทรวงที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า การเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวของนายมัสก์ จะส่งผลให้ Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ยอดนิยมของนายมัสก์ทะยานขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.และธ.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 73.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.