ผลสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดยสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NBER) ระบุว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ไม่มีความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สามารถจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อและการว่างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ระดับเฉลี่ยของความเชื่อมั่นในความสามารถของเฟดอยู่ที่ 3.2 จากมาตราส่วน 1 - 7 (โดย 7 หมายถึงความเชื่อมั่นในระดับสูงสุด)
"ความเชื่อมั่นที่ว่าเฟดจะมีความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจของชาวอเมริกันทุกคนนั้น ขยับขึ้นขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5" ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ NBER ระบุในรายงานสำรวจดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้จัดทำแบบสำรวจยังพบว่า มีความแตกต่างด้านการเมืองในบรรดาผู้ตอบแบบสำรวจ กล่าวคือ ผู้ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตมีความเชื่อมั่นต่อการจัดการด้านเศรษฐกิจของเฟดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 และความเชื่อมั่นที่ว่าเฟดมีความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจของชาวอเมริกันอยู่ที่ 3.8 ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันมีระดับความเชื่อมั่นน้อยกว่า โดยระดับเฉลี่ยของความเชื่อมั่นต่อการจัดการด้านเศรษฐกิจของเฟดอยู่ที่ 3.0 และความเชื่อมั่นที่ว่าเฟดมีความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของชาวอเมริกันอยู่ที่ 3.1
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การสำรวจครั้งนี้ยังถูกนำมาใช้ในการศึกษาสถานการณ์สมมติเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยในกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีนั้น ผู้บริโภค 84% มองว่าเฟดจะดำเนินแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของพรรครีพับลิกัน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบ "ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ" เกี่ยวกับความโน้มเอียงทางการเมืองของเฟด โดยผู้ที่มีแนวโน้มสนับสนุนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ (66%) เชื่อว่าเฟดชื่นชอบพรรครีพับลิกัน ส่วนผู้ที่มีแนวโน้มสนับสนุนพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ (60%) มองว่าเฟดชื่นชอบพรรคเดโมแครต