สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) ว่า ทางการจีนเตรียมออกพันธบัตรใหม่มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจประกาศมาตรการใหม่นี้อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อเดือนที่แล้วทางการจีนได้ประกาศนโยบายกระตุ้นทางการเงินที่มากกว่าคาด จนทำให้นักลงทุนพากันคาดการณ์ว่า จีนจะออกมาตรการการคลังขนาดใหญ่เพื่อเสริมกันด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยกันฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มาตรการทางการคลังที่มีรายงานข่าวเมื่อวานนี้มุ่งเป้าแก้ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และงบดุลของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งกดดันเศรษฐกิจและก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินฝืด จึงน่าจะทำหน้าที่เป็นตัวรักษาเสถียรภาพมากกว่ากระตุ้นการเติบโตฉับพลันแบบที่ตลาดคาดหวัง
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังสะท้อนถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์แบบทุ่มสุดตัวเพื่อฟื้นฟูการเติบโตอย่างที่ผ่าน ๆ มา ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2551 จีนได้ทุ่มทรัพยากรจำนวนมากเข้าสู่ภาคโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก
คริสโตเฟอร์ เบดดอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจีนที่ Gavekal Dragonomics กล่าวว่า "เป้าหมายหลักของมาตรการกระตุ้นครั้งนี้ชัดเจนว่าเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้งบดุล มากกว่าการกระตุ้นการเติบโตของ GDP ในระยะสั้น" โดยน่าจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดได้ แต่อาจจะไม่ได้ทำให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทันที