บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2567 อย่างไรก็ดี เมตาเปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานที่ต่ำกว่าคาด และเตือนว่าการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีงบการเงิน 2568
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ราคาหุ้นเมตาปรับตัวลง 3.18% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ (31 ต.ค.)
ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2567 ของเมตาอยู่ที่ 6.03 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ 5.25 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 4.059 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.029 หมื่นล้านดอลลาร์
ยอดขายในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบเป็นายปี ขณะที่รายได้สุทธิปรับตัวขึ้น 35% สู่ระดับ 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี รายได้สุทธิในไตรมาส 3 ของเมตาขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566
เมตาระบุว่ายอดผู้ใช้งานรายวันอยู่ที่ 3.29 พันล้านคนในไตรมาส 3 ซึ่งแม้เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.31 พันล้านคน
นอกจากนี้ เมตาได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การใช้จ่ายด้านทุนในปีงบการเงิน 2567 สู่ระดับ 3.8-4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.7-4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าการใช้จ่ายด้านทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 เนื่องจากการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเมตา กล่าวว่า "การลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของเรายังคงต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ และผมคาดว่าเราจะยังคงลงทุนในด้านนี้ต่อไปอย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นกัน"