บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของมหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ขายหุ้นในบริษัทแอปเปิล อิงค์ (Apple Inc) ออกมาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/2567 ส่งผลให้สัดส่วนการถือครองหุ้นแอปเปิ้ลของเบิร์กเชียร์ลดลงอย่างมากเพื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เบิร์กเชียร์ปรับลดการถือครองหุ้นในบริษัทแอปเปิ้ลประมาณ 25% ในไตรมาส 3 หลังจากที่ปรับลดลงเกือบ 50% ในไตรมาส 2 ส่วนราคาหุ้นแอปเปิ้ลปรับตัวขึ้น 10.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.
บัฟเฟตต์ส่งสัญญาณในการประชุมประจำปีของเบิร์กเชียร์เมื่อเดือนพ.ค.ว่า แรงจูงใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เบิร์กเชียร์ตัดสินใจขายหุ้นแอปเปิ้ลในไตรมาสแรกของปีนี้ มาจากการบังคับใช้มาตรการภาษี อย่างไรก็ดี แอปเปิ้ลยังคงเป็นบริษัทที่เบิร์กเชียร์ลงทุนมากที่สุด
ทั้งนี้ การส่งสัญญาณดังกล่าวของบัฟเฟตต์ยังคงเป็นความจริง โดยขณะนี้เบิร์กเชียร์ถือครองหุ้นแอปเปิ้ลมูลค่า 6.99 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 1.743 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2566 ลดลงเกือบ 60% อย่างไรก็ดี บัฟเฟตต์ไม่ได้เปิดเผยมุมมองของเขาที่มีต่อบริษัทแอปเปิ้ล นับตั้งแต่การประชุมประจำปีในครั้งนั้น
แอปเปิ้ลกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ชะลอลงอย่างมาก
แอปเปิ้ลเปิดเผยรายได้และกำไรต่อหุ้นที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่กำไรสุทธิร่วงลงหลังจากบริษัทต้องจ่ายภาษีย้อนหลังให้รัฐบาลไอร์แลนด์ตามคำสั่งของศาลยุติธรรมแห่งยุโรป (ECJ)
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ECJ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของยุโรป มีคำพิพากษาให้บริษัทแอปเปิ้ลจ่ายภาษีย้อนหลังจำนวน 1.3 หมื่นล้านยูโร (1.44 หมื่นล้านดอลลาร์) ให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์ โดยระบุว่า แอปเปิ้ลได้รับประโยชน์ทางด้านภาษีที่ผิดกฎหมายจากไอร์แลนด์เป็นเวลานานถึง 2 ทศวรรษ