สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โรงงานโซลาร์เซลล์ยักษ์ใหญ่หลายแห่งของจีนในเวียดนามกำลังปรับลดกำลังการผลิตและเลิกจ้างพนักงานหลายอัตรา จากการขยายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเป้ามายังโรงงานในเวียดนามและประเทศอื่น ๆ อีก 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างกัมพูชา มาเลเซีย และไทย
รายงานข่าวระบุว่า บริษัทโซลาร์เซลล์เหล่านี้ได้ทยอยย้ายฐานการผลิตไปประเทศข้างเคียงอย่างอินโดนีเซียและลาวแทน ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ได้มีการประกาศใช้มาตรการใด และกำลังการผลิตที่โรงงานเหล่านี้วางแผนไว้ มีเพียงพอสำหรับการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ประมาณครึ่งหนึ่งที่ติดตั้งในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว
บริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนต่างพากันลดกำลังการผลิตในโรงงานที่มีอยู่เดิม และหันไปก่อตั้งโรงงานใหม่ในประเทศอื่น ๆ เพื่อให้หลีกเลี่ยงภาษีและครองตลาดสหรัฐฯ และตลาดโลกได้ แม้จะเผชิญกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่พยายามจะสกัดการเติบโตของบริษัทจีนอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี
รอยเตอร์รายงานว่า แม้บริษัทจีนจะย้ายฐานการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์มาหลายปีแล้ว แต่การย้ายฐานการผลิตไปยังอินโดนีเซียและลาวในระยะล่าสุดนี้ยังไม่เคยมีการรายงานมาก่อน โดยรอยเตอร์อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวกว่า 10 คนจาก 5 ประเทศ ซึ่งรวมถึงพนักงานในโรงงานของจีน เจ้าหน้าที่ของบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ใช่ของจีน และทนายความ
วิลเลียม เอ. ไรน์ช อดีตเจ้าหน้าที่ด้านการค้าในสมัยรัฐบาลของบิล คลินตัน และที่ปรึกษาอาวุโสของศูนย์การศึกษากลยุทธ์และการต่างประเทศ (CSIS) กล่าวว่า "นี่เป็นเกมแมวจับหนูขนาดใหญ่ การเคลื่อนย้ายไม่ใช่เรื่องยาก แค่เตรียมเกมให้เรียบร้อยและเริ่มเล่นอีกครั้งได้เลย แต่กติกาก็คือสหรัฐฯ มักตามหลัง 1 ก้าว"