ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (6 พ.ย.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ขณะนักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คาดว่าการแข่งขันระหว่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสจะสูสีกันมาก นอกจากนี้ นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้งรัฐสภาด้วย เนื่องจากหากพรรคใดพรรคหนึ่งชนะการเลือกตั้งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายและนโยบายภาษี
-- หนังสือพิมพ์เดอ เทเลกราฟ (De Telegraaf) ของเนเธอร์แลนด์รายงานว่า ทางการเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศสได้เข้าตรวจค้นสำนักงานของเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ในกรุงปารีสและอัมสเตอร์ดัมเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนกรณีฉ้อโกงภาษี
การสืบสวนดังกล่าวซึ่งเริ่มต้นโดยทางการฝรั่งเศสเมื่อเดือนพ.ย. 2565 เกี่ยวข้องกับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ โดยสำนักงานใหญ่ของเน็ตฟลิกซ์ในยุโรปตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์
-- แฟรงก์ ลันทซ์ ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองกล่าวว่า รัฐสมรภูมิจะมีบทบาทสำคัญต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยการแข่งขันระหว่างคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน จะเป็นไปอย่างสูสีในรัฐเพนซิลเวเนียและเนวาดาจนไม่สามารถคาดการณ์ผู้ชนะได้ และจะทำให้ทั้งสองรัฐไม่สามารถประกาศผลการเลือกตั้ง จนกว่าจะถึงวันศุกร์หรือวันเสาร์นี้ (8-9 พ.ย.)
นอกจากนี้ หากทรัมป์พ่ายแพ้ในรัฐจอร์เจียหรือนอร์ทแคโรไลนา ก็จะส่งผลให้แฮร์ริสคว้าชัยชนะ แต่ถ้าทรัมป์ประสบชัยชนะในรัฐมิชิแกนหรือเพนซิลเวเนีย ก็จะทำให้เขาชนะการเลือกตั้ง
-- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในสัปดาห์นี้ ถ้าหากคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
"ขณะนี้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าแฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงราว 1-2% ในสัปดาห์นี้ แต่ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ก็จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก"
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 19.2% สู่ระดับ 8.44 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.41 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.08 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ การนำเข้าพุ่งขึ้น 3% สู่ระดับ 3.523 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกลดลงสู่ระดับ 2.679 แสนล้านดอลลาร์
-- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 จากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.7
ดัชนียังคงปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงาน
-- เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 55.2 ในเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ถูกกดดันจากการชะลอตัวของการจ้างงาน ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ดีดตัวขึ้น และภาคธุรกิจเพิ่มความเชื่อมั่นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันนี้ (6 พ.ย.) ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมและ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก Jibun Bank, ฝรั่งเศสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB, อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB และสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)