บริษัทอาร์เซเลอร์มิตตัล (ArcelorMittal) เรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดกว่านี้เพื่อแก้ไขปัญหาเหล็กกล้าส่งออกจากจีนที่ล้นตลาด ซึ่งทางบริษัทระบุว่า กำลังทำให้ตลาดอยู่ในสภาวะที่ไม่ยั่งยืน โดยราคาเหล็กกล้าในยุโรปต่ำกว่าต้นทุนส่วนเพิ่ม (marginal cost) อย่างมาก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาผู้ผลิตเหล็กกล้าต่างต้องรับมือกับกระแสเหล็กกล้านำเข้าราคาถูกจากจีน ซึ่งภาคการก่อสร้างที่ซบเซาในจีนส่งผลกดดันราคา โดยจีนผลิตเหล็กกล้าได้มากกว่า 1 พันล้านตันต่อปี ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตเหล็กกล้าทั่วโลก แต่เหล็กกล้าดังกล่าวกลับมีล้นตลาดและตลาดในประเทศจีนก็มีความต้องการต่ำ
ด้วยเหตุนี้ โลกจึงเสี่ยงเผชิญกับการทุ่มตลาดด้วยผลผลิตส่วนเกินจากจีน ส่งผลให้ราคาเหล็กกล้าตกต่ำ และโรงงานต่าง ๆ ต้องปิดกิจการ
อาทิตยา มิตตัล ซีอีโอของอาร์เซเลอร์มิตตัลกล่าวในแถลงการณ์วันนี้ (7 พ.ย.) ว่า "ระดับการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในยุโรปเป็นเรื่องน่ากังวลและจำเป็นต้องมีการออกมาตรการทางการค้าที่รุนแรงกว่านี้โดยด่วนเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น"
อย่างไรก็ตาม อาร์เซเลอร์มิตตัลระบุว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับช่วงครึ่งหลังของปี 2567 มากกว่าปีที่แล้ว
"อุปสงค์ที่ปรากฏในตลาดคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2566 และการที่ปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ในระดับต่ำบ่งชี้ว่า การเติมสต็อกจะเกิดขึ้นตอนที่อุปสงค์ที่แท้จริงฟื้นตัวแล้ว" มิตตัลกล่าว
ทั้งนี้ อาร์เซเลอร์มิตตัลรายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ