ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มอ่อนแรงลงในช่วงเช้าวันนี้ (11 พ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกยังคงเผชิญแรงกดดันด้านเงินฝืด หลังจากจีนเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ระดับต่ำในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า CPI เดือนต.ค.อาจจะทรงตัวเท่ากับในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 25 โดยปรับตัวลง 2.9% ในเดือต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 25 ติดต่อกัน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.5%
-- ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating-IDR) ไว้ที่ BBB+ และแนวโน้มมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ระบุว่า อันดับเครดิตของประเทศไทยเป็นผลจากสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของภาคการเงินต่างประเทศที่ยั่งยืนและกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง กับลักษณะโครงสร้างที่อ่อนแอกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่ได้อันดับเครดิตในระดับ BBB เช่น รายได้ต่อหัวและคะแนนด้านธรรมาภิบาลจากธนาคารโลกที่ต่ำกว่า
ฟิทช์คาดว่า ตัวชี้วัดหนี้ภาครัฐของประเทศไทยจะค่อย ๆ มีเสถียรภาพในระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของประเทศเปรียบเทียบ หลังจากที่มีการถดถอยลงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีสมมติฐานว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามแผนปรับภาวะการคลังให้เข้าสู่สมดุลภายหลังปีงบประมาณนี้ที่สิ้นสุดในเดือนก.ย. 2568 โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแนวโน้มการคลังระยะกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยเผชิญกับอุปสรรคด้านโครงสร้างประชากรอยู่แล้ว
-- ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 80,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในช่วงเช้าวันนี้ (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกที่ว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
ณ เวลา 06.23 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น 1,537 ดอลลาร์ หรือ 1.95% แตะระดับ 80,539 ดอลลาร์
อเล็กซ์ ทอร์น หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทกาแล็กซี ดิจิทัล (Galaxy Digital) กล่าวว่า คริปโทเคอร์เรนซีกำลังเข้าสู่ "ยุคทอง" เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การที่ทรัมป์กลับมาครองอำนาจในทำเนียบขาวอีกครั้งจะเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมบิตคอยน์ เนื่องจากเขามีนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี และเขามีแผนที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นเมืองหลวงของคริปโทเคอร์เรนซี โดยนักลงทุนเชื่อว่าทรัมป์จะดำเนินการตามที่เขาให้คำมั่นเอาไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
-- เอดิสัน รีเสิร์ช (Edison Research) ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรัฐแอริโซนา ทำให้ทรัมป์คว้าชัยชนะในทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ และได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) อย่างขาดลอย เหนือรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คะแนนไปแล้วตั้งแต่ที่นับคะแนนถึงเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 6 พ.ย. และคาดว่าเมื่อนับคะแนนเสร็จสมบูรณ์ ทรัมป์จะได้ 312 คะแนน ขณะที่แฮร์ริสจะได้ 226 คะแนน
-- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้สั่งให้บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน หยุดส่งชิปขั้นสูงที่ใช้ในงาน AI ให้กับลูกค้าในจีนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 พ.ย.
ทางกระทรวงฯ ได้ส่งจดหมายถึง TSMC เพื่อจำกัดการส่งออกชิปที่ซับซ้อนบางรุ่น ซึ่งเป็นชิปขนาด 7 นาโนเมตร หรือชิปที่ล้ำหน้ากว่านั้น โดยมีปลายทางเป็นจีน ซึ่งชิปเหล่านี้ใช้เร่งการประมวลผล AI และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
รายงานข่าวระบุว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ TSMC แจ้งกระทรวงพาณิชย์ว่า พบชิปของตนในโปรเซสเซอร์ AI ของหัวเว่ย (Huawei) โดยหัวเว่ยอยู่ในรายชื่อองค์กรที่ต้องจำกัดการค้าขาย ซึ่งทางการสหรัฐฯ กำหนดให้ซัพพลายเออร์ต้องขอใบอนุญาตในการส่งสินค้าหรือเทคโนโลยีไปยังบริษัทในรายชื่อดังกล่าว
-- เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกงรายงานว่า ผู้ผลิตทุเรียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เน้นตลาดจีนกำลังกังวลเรื่องภาวะผลผลิตล้นตลาดและสภาพเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการทุเรียนนำเข้าของจีน แต่ไม่ได้กังวลเรื่องการที่จีนตั้งเป้าปลูกทุเรียนเอง
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ ๆ จากมาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo) ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาออเดอร์ใหม่ ๆ แต่มีเพียงไม่กี่รายที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันจากทุเรียนจีน เช่น ทุเรียนที่ปลูกในมณฑลไห่หนาน
-- องค์การอนามัยโลก (WHO) และอีกประมาณ 50 ประเทศได้ออกมาเตือนให้องค์การสหประชาชาติ (UN) รับมือกับการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) ต่อโรงพยาบาลต่าง ๆ ขณะที่สหรัฐฯ ได้กล่าวหาว่ารัสเซียเป็นผู้กระทำการโจมตีดังกล่าว
แรนซัมแวร์คือรูปแบบหนึ่งของการแบล็กเมลดิจิทัล ซึ่งแฮกเกอร์จะเข้ารหัสข้อมูลของเหยื่อ เช่น บุคคล บริษัท หรือสถาบัน และเรียกเงินเป็น "ค่าไถ่" เพื่อแลกกับการปลดล็อกข้อมูล
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) ว่า การโจมตีโรงพยาบาลต่าง ๆ อาจส่งผลต่อความเป็นและความตาย
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันนี้ (11 พ.ย.) ได้แก่ญี่ปุ่นเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ย. และอินโดนีเซียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.