บริษัทต่างชาติได้พากันถอนเงินทุนออกจากจีนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทต่างชาติบางส่วนยังคงมีมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจจีน แม้รัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นซึ่งเป้าหมายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพก็ตาม
สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลง 8.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลข FDI ของจีนทรุดตัวลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ มุมมองลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากบริษัทหลายภาคส่วนภายในประเทศจีน เช่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยหากตัวเลข FDI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ก็จะส่งผลให้จีนเผชิญกับการไหลออกสุทธิของ FDI รายปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2533
บริษัทต่างชาติที่ถอนการลงทุนบางส่วนออกจากจีนในปีนี้ รวมถึงบริษัทนิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor), โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) และโคนิกา มินอลตา (Konica Minolta) ขณะที่บริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (International Business Machines - IBM) กำลังยุบทีมวิจัยฮาร์ดแวร์ในประเทศจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 1,000 คน
ในทางตรงกันข้าม SAFE ระบุว่า ยอดการลงทุนในต่างประเทศของจีน (ODI) พุ่งขึ้น 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ยอด ODI ของจีนอยู่ที่ระดับ 1.43 แสนล้านดอลลาร์
บริษัทจีนหลายแห่ง เช่นบีวายดี (BYD) ได้เพิ่มการลงทุนในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีวัตถุดิบมากเพียงพอ และได้เพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตในตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปและขยายตัวขึ้น เนื่องจากมีหลายประเทศที่ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บสินค้านำเข้าบางประเภทจากจีน เช่นเหล็ก นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทุกประเภท