อโกด้า (Agoda) ผู้ให้บริการสำรองห้องพักทางออนไลน์ เปิดเผยผลการศึกษาในวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า การที่ไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเป็นปัจจัยหนุน "การท่องเที่ยวสีรุ้ง" (Rainbow Tourism) ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ อโกด้าระบุว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2568 นั้น จะช่วยสร้างงานเต็มเวลาราว 152,000 ตำแหน่ง และจะมีส่วนช่วยหนุนการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในสัดส่วน 0.3%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในช่วงต้นปีนี้ และเป็นลำดับที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียต่อจากไต้หวันและเนปาล โดยภายใต้กฎหมายดังกล่าว รัฐบาลไทยจะรับรองการจดทะเบียนสมรสของคู่รักเพศเดียวกันที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และจะให้สิทธิในการครอบครองมรดก การลดหย่อนภาษี และการรับเลี้ยงดูบุตรบุญธรรม ซึ่งถือเป็นชัยชนะของนักเคลื่อนไหว LGBTQ ที่ต่อสู้มานานนับสิบปีเพื่อให้ได้สิทธิในการแต่งงานเช่นเดียวกับคู่รักต่างเพศ
อโกด้าระบุว่า ไทยอยู่ในสถานะที่ดีในการคว้าส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดการท่องเที่ยว LGBTQ ระดับโลก ซึ่งตลาดนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี พร้อมกับเสริมว่า หลายจังหวัดของไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการแต่งงาน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดงานแต่งงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การโรงแรมและการจัดเลี้ยง เป็นต้น
ทิโมธี ฮิวจ์ รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรของอโกด้า กล่าวว่า "ในขณะที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ อยู่แล้วนั้น เราคาดว่าการที่ไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะตัวเลือกการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่มีความครอบคลุมและไม่มีการแบ่งแยก"