กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เพิ่มเกาหลีใต้ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ถูกจับตา (Monitoring List) เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคงไม่ถอดชื่อญี่ปุ่นและเยอรมนีออกจากบัญชีดังกล่าว พร้อมกับระบุถึงจีนว่ายังขาดความโปร่งใสในการจัดการค่าเงิน
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกาหลีใต้ถูกเพิ่มในบัญชีรายชื่อประเทศที่ถูกจับตานั้น เนื่องจากเกาหลีใต้เข้าข่ายสองเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกับประเทศทั่วโลกในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญ และมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกับสหรัฐฯ ในระดับที่สูงมากเช่นกัน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในรายงานรอบครึ่งปีเกี่ยวกับนโยบายการอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเมื่อวานนี้ (14 พ.ย.) ว่า แม้สหรัฐฯ มองว่าจีนขาดความโปร่งใสในการจัดการค่าเงิน และล่าสุดนี้ทางกระทรวงไม่พบว่ามีประเทศคู่ค้ารายใดของสหรัฐฯ ที่มีพฤติกรรม "ปั่นค่าเงิน" เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะปกป้องดุลการชำระเงินของตนเองหรือฉวยโอกาสที่จะสร้างข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ครั้งสุดท้ายที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่ามีประเทศใดประเทศหนึ่งทำการปั่นค่าเงินนั้น คือในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก โดยกระทรวงการคลังระบุชื่อจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน แต่หลังจากนั้น 5 เดือนต่อมา สหรัฐฯ ได้ถอดชื่อจีนออกจากบัญชีประเทศปั่นค่าเงิน หลังจากทั้งสองประเทศได้เจรจาข้อตกลงการค้าทวิภาคี
ทั้งนี้ รายชื่อประเทศที่อยู่ใน Monitoring List ของสหรัฐฯ นั้น ส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานในเดือนมิ.ย. โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าวได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม ส่วนมาเลเซีย ซึ่งเคยอยู่ในบัญชี Monitoring List เมื่อเดือนมิ.ย.นั้น ได้รับการถอดออกจากบัญชีดังกล่าวแล้ว