บริษัทญี่ปุ่นที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีนเริ่มมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน โดย 2 ใน 3 ของบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจมองว่า เศรษฐกิจจีนกำลังย่ำแย่ลง และบริษัทเกือบครึ่งหนึ่งได้ชะลอหรือระงับการลงทุนในประเทศจีน
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในประเทศจีนระบุว่า ประมาณ 64% ของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้าร่วมการสำรวจมองว่า เศรษฐกิจจีนย่ำแย่ลงกว่าในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 60% ในการสำรวจครั้งก่อน โดยนอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจแล้ว บริษัทญี่ปุ่นยังมีความกังวลด้านความปลอดภัย รวมถึงเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนชาวญี่ปุ่นถูกแทงเสียชีวิตที่เมืองเซินเจิ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทญี่ปุ่นได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจีนยังคงเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แต่หลายบริษัทได้ถอนการลงทุนออกจากจีนเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่ถดถอยลง และการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทจีน ในขณะเดียวกัน จีนกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และแม้จีนได้ออกมาตรการหลายด้านตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่การลงทุนจากต่างประเทศก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า กว่า 40% ของบริษัทญี่ปุ่นระบุว่าพวกเขาไม่พอใจกับสภาวะทางธุรกิจในจีน โดยบริษัทบางแห่งได้ระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงานและครอบครัว รวมทั้งการที่จีนปฏิเสธที่จะคืนสถานะฟรีวีซ่าให้กับชาวญี่ปุ่น และการที่จีนห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัญหาที่บริษัทญี่ปุ่นอยากให้มีการแก้ไข
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจจำนวน 1,513 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มี 44% ที่ระบุว่าพวกเขาต้องการลดการลงทุนในประเทศจีน หรือไม่ลงทุนในประเทศจีนโดยสิ้นเชิงในปีนี้ โดยตัวเลขดังกล่าวแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจครั้งก่อน