เสน่ห์และศักยภาพของเวียดนามในการเป็นฉากภาพยนตร์กำลังดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก โดยกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติ 17 รายแสดงความตั้งใจที่จะยกกองถ่ายเข้าไปถ่ายทำในเวียดนามภายในปี 2568
กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเวียดนามจัดการประชุมที่เมืองดานังเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการนำแผนยุทธศาสตร์ "Directive 30" ของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม โดยแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของเวียดนาม ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรมฯ เท่านั้น แต่ภาคส่วนอื่น ๆ ของรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นก็มีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน
โฮอันฟอง (Ho An Phong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมฯ เน้นย้ำว่า แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในแง่ของการยอมรับว่า อุตสาหกรรมวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเวียดนามมีจุดแข็งที่สำคัญในด้านภาพยนตร์ ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบ และอาหาร ปัจจุบัน อุตสาหกรรมวัฒนธรรมมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศถึง 4.04% ของ GDP แต่ศักยภาพในการเติบโตยังคงมีอยู่อีกมาก
รัฐมนตรีเผยด้วยว่า บริษัทผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ 17 รายแสดงเจตจำนงที่จะยกกองถ่ายเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ในเวียดนามภายในปี 2568 สอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ประเทศเป็นจุดหมายปลายทางของการถ่ายทำภาพยนตร์จากฮอลลีวูด
"พวกเขาถ่ายทำมาเยอะมากในประเทศไทย มันถูกใช้มากเกินไปแล้ว" รัฐมนตรีกล่าว "พวกเขาหลงใหลภูมิประเทศที่มีลักษณะเฉพาะของเวียดนาม วัฒนธรรมที่รุ่มรวย แรงงานที่มีทักษะ และทรัพยากรการผลิตที่คุ้มทุน ศักยภาพด้านภาพยนตร์ของเรามีมากมายมหาศาล"
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของเวียดนามจะมีอนาคตสดใส แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนนี้ยอมรับว่า เวียดนามยังคงเผชิญกับอุปสรรค ซึ่งรวมถึงการขาดกลไกและนโยบายเฉพาะสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรม การลงทุนยังคงกระจัดกระจายและไม่เพียงพอ
รองผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรมและกีฬาของนครโฮจิมินห์เปิดเผยว่า นครโฮจิมินห์ตั้งเป้าที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative City) ในด้านภาพยนตร์ และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมวัฒนธรรมชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านแผนงานริเริ่มต่าง ๆ เช่น การจัดสรรที่ดินสำหรับสร้างสตูดิโอภาพยนตร์และศูนย์บริการทางวัฒนธรรม และการแก้ไขปัญหาด้านภาษีและการใช้ที่ดินสำหรับธุรกิจ เป็นต้น