หุ้นนิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) ร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทได้วางแผนปรับลดการผลิตในสหรัฐฯ และจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นสองประเทศที่นิสสันเข้าไปตั้งโรงงานผลิตรถยนต์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้นนิสสันร่วงลง 4.9% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ และนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาหุ้นนิสสันร่วงลงไปแล้วเกือบ 30%
เว็บไซต์ออโตโมทีฟ นิวส์ (Automotive News) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ในปีงบการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2568 นิสสันวางแผนที่จะผลิตรถยนต์น้อยลง 100,000 คันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่โรงงานในรัฐมิสซิสซิปปีและเทนเนสซี โดยมาตรการลดการผลิตดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับรถยนต์หลายรุ่นของนิสสัน ซึ่งรวมถึง Frontier, Rogue, Pathfinder และ Infiniti QX60
นอกจากนี้ ราคาหุ้นนิสสันยังร่วงลงหลังจากทรัมป์ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% จนกว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะควบคุมไม่ให้ผู้อพยพและยาเสพติดหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ
"ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ผมจะลงนามในเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหารฉบับแรก ๆ ของผม เพื่อเก็บภาษี 25% ของสินค้าทั้งหมดจากเม็กซิโกและแคนาดาที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ และจะจัดการกับปัญหาชายแดนที่มีการควบคุมอย่างไร้ประสิทธิภาพด้วย" ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันจันทร์ (25 พ.ย.)
ทรัมป์ระบุว่า เขาจะคงมาตรการการเก็บภาษีนี้ไว้จนกว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล (fentanyl) และผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย