สำนักงานสถิติรัสเซีย (Rosstat) เปิดเผยว่า การที่กองทัพและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศดึงแรงงานออกไปจากภาคธุรกิจของพลเรือน ประกอบกับปัจจัยการอพยพย้ายถิ่นฐาน ได้ส่งผลให้อัตราการว่างงานของรัสเซียลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.3%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การใช้จ่ายด้านการทหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมากได้ช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในปี 2565 ตามที่มีการคาดการณ์กันเป็นวงกว้างทั้งในประเทศและชาติตะวันตก โดยเศรษฐกิจรัสเซียหดตัวเพียงเล็กน้อยในปีนั้น
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจรัสเซียฟื้นตัวขึ้นในปี 2566 แต่การขาดแคลนแรงงาน เงินเฟ้อสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 21% แสดงให้เห็นปัญหาบางอย่างในระบบเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ และได้กำหนดให้การเพิ่มดัชนีผลิตภาพแรงงาน (labour productivity index) ของรัสเซียเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ รัสเซียยังพยายามส่งเสริมให้ผู้หญิงมีบุตรมากขึ้นด้วย
ข้อมูลของกรมแรงงานภูมิภาคสเวียร์ดลอฟสค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานในภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหลายแห่งนั้น เผยให้เห็นว่าภูมิภาคนี้มีตำแหน่งงานว่างจำนวน 54,912 ตำแหน่งในช่วงต้นเดือนต.ค. เทียบกับจำนวนผู้ว่างงานที่มีเพียง 8,762 คน
ขณะที่อิกอร์ เชเกเลฟ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอังคาร (26 พ.ย.) ว่า ในเขตปกครองส่วนกลางของรัสเซียซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรประมาณ 40 ล้านคนทางตะวันตกของรัสเซียนั้น มีตำแหน่งงานว่าง 9 ตำแหน่งต่อผู้ว่างงาน 1 คน
ด้านซูเปอร์จ็อบ (Superjob) ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานของรัสเซีย ระบุว่า จำนวนตำแหน่งงานว่างทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ธนาคารกลางรายงานว่า 73% ของธุรกิจในรัสเซียประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน
"วิกฤตขาดแคลนบุคลากรได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วระบบเศรษฐกิจแทบทุกภาคส่วน" รอสติสลาฟ คาเปลยูชนิคอฟ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแรงงานแห่งมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงแห่งมอสโก (HSE) ระบุในรายงาน